แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2017-3-8 15:32
บุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 43 วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2560 ตอน ฉัตรทอง ศรีมงคลบุญ
จี๊ดจ๊าด มาเล่ากะเขาบ้าง คือ อยากเล่าค่ะ ด้วยเวลาอันกระชั้นชิดอย่างนี้ จี๊ดเชื่อว่าทุกท่านแทบจะไหวตัวไม่ทันกันทีเดียว อย่าว่าแต่ใครเลยจี๊ดเองก็ยังมึนงงกับบุญของ อ.เจน เลยค่ะ เพราะอะไร ก็เป็นเพราะ อ.เจน มีงานบุญเต็มพิกันตลอดทั้งเดือน จี๊ดอึ้งมากขอบอก แต่ทำไมอ.เจน กับคุณรุ้ง จึงมุ่งมั่นทำบุญแบบสู้บุญมากค่ะ สำหรับตัวจี๊ดขอบอกว่าแทบจะหายใจทางผิวหนังแล้วค่ะ แต่อาจารย์ทั้งสองไม่เหนื่อยค่ะ อาจารย์สู้จี๊ดก็สู้ และเชื่อว่าทุกคนก็ฮึกเหิมที่จะสู้บุญกัน อย่างที่อาจารย์พูดนั่นแหละค่ะ บุญใครทำใครได้ ใครกินใครอิ่ม นะค่ะ

วันอาทิตย์กลับจากทัวร์พม่า อาจารย์พักวันเดียววันรุ่งขึ้นไปเซอร์เวย์งานบุญวันที่ 12 มี.ค.60 ขอบอกว่า ยังไม่ได้เซอร์เวย์สดๆ ร้อน ๆ กันเลยคราวนี้ เพราะ อาจารย์ตั้งใจว่าอย่างไรก็ตามก็จะไม่หยุดงานบุญเสบียงสวรรค์ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน มีเดือนธันวาคมที่ผ่านมาหยุด แต่หยุดเพื่อปรับสถานที่สำนักปฏิบัติธรรม ตัวอาจารย์ไม่ได้หยุดพักนะค่ะ พอมาเดือนมีนาคม งานบุญแน่น ขอย้ำแน่นมาก แต่ อาจารย์ก็ประกาศงานบุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 43 ซึ่งด่วนจี๋ด่วนที่สุด เอาไงละ แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากพาคนไปทัวร์บุญพม่าแต่ก็หยุดไม่ได้ค่ะ ดังนั้น วันอังคารที่ 7 มี.ค.60 จึงไปเซอร์เวย์ ค่ะ ครั้งนี้ จี๊ดไม่ได้ไปเซอร์เวย์กับอาจารย์เพราะเป็นวันทำงานปกติเพิ่งหยุดงานพม่าไปหมาด ๆ ค่ะ ถ้าหยุดอีกหัวหน้างานคงบอกว่าลาออกไปทำบุญเถอะจี๊ด หุหุ
ถึงไม่ได้ไปเซอร์เวย์กับอาจารย์แต่ก็ได้รับรายงานการเซอร์เวย์ตลอดนะค่ะ เพราะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นก็เพื่อเป็นผลประโยชน์ร่วมกันไง จี๊ดจะได้นำมาเล่าให้ทุกท่านได้รับฟังกันไปด้วยเพราะอาจารย์มักจะพูดน้อย ไม่บอกอะไรมาก แต่จี๊ดได้รับข้อมูลรายละเอียดเหมือนกับได้เดินทางไปด้วยเลยเพราะถามตลอดค่ะ
หลังจากกลับจากพม่า อ.เจน กับ คุณรุ้ง พอวันอังคารก็ต้องออกเดินทางไปเซอร์เวย์ปรากฏว่า คุณรุ้งทั้งคลื่นไส้อาเจียนและท้องเสีย ทำให้ อ.เจน ไม่อยากจะเดินทางเพราะเป็นห่วงว่าจะทำให้คุณรุ้งลำบากหากต้องเข้าโรงพยาบาล ดูอาการแล้วเห็นว่าคุณรุ้งจะไม่ไหว ส่วนคุณรุ้งเล่าให้จี๊ดฟังว่า ถึงแม้จะไม่ไหวแต่ต้องสู้บุญ จะปล่อยให้ อ.เจน ไปเพียงลำพังกับคุณมิตรและทิดเก่ง ไม่ได้เพราะหากมีเหตุใดขึ้นมาซึ่งพบบ่อยกับการเซอร์เวย์นี่แหละค่ะก็จะช่วยกันไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาบางวัดก็มีการทำบุญที่ผิดหลักคำสอนของพระพุทธองค์และเล่นคุณไสย และส่วนมากอาจารย์ทั้งสองจะต้องช่วยกันเมื่อยามคับขันค่ะ คุณรุ้งจึงตั้งจิตว่าเราจะต้องเข้มแข็งแม้จะป่วยจะอดทนเป็นอย่างไรก็เป็นกันและไม่บอกกล่าวให้ อ.เจน เป็นห่วงกังวลค่ะ
 สำหรับงานบุญทริปนี้ค่อนข้างกระชั้นชิดมาก ไม่ว่าจะเป็นประกาศงานบุญ หรือการเซอร์เวย์อาจารย์บอกว่า ความตั้งใจของอาจารย์จะได้ผู้คนมากน้อยเพียงใดไม่เป็นไรแต่เราได้นำพาคนไปทำบุญตามเจตนาแล้วจะมีผู้คนมากน้อยเท่าใดก็เท่านั้นค่ะ แต่ถ้ามีผู้คนมาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมากก็จะได้เงินเข้าวัดมากและได้สร้างบุญกุศลนั้นสำเร็จลุล่วงได้ค่ะ จี๊ดก็ขอเชิญชวนนะค่ะเพราะจากการบอกเล่าของอาจารย์แล้วไม่ธรรมดาเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่พวกเราทั้งหลายไม่ไปไม่ได้แล้ว พวกเราจะขาดบุญดีดีอย่างนี้ไปได้อย่างใดเล่า มารับฟังกันค่ะว่าอาจารย์เค้าไปวัด 3 วัด มีเรื่องราวอะไรบ้าง
สถานที่ 1 ทำบุญฉัตรใหญ่ ตามที่ อ.เจน เล่านั้นแหละค่ะว่าได้นั่งสมาธิกำหนดจิตอธิษฐาน โดยขอเทวดาและสิ่งศักดิสิทธิ์เป็นผู้นำบุญว่า อ.เจน จะทำบุญใหญ่อะไรดี ขอให้ท่านช่วยแนะนำบุญนั้นด้วย อ.เจน เล่าให้ฟังว่า ได้เห็นภาพในนิมิตเป็นพระพุทธรูปสีทอง โดยมีลักษณะปรางแบบใด ในญาณวิถีว่าอยู่บนเขา ได้เห็นอย่างนี้ และที่ไหนกันเล่าค่ะ พอวันรุ่งขึ้นก่อนออกเดินทาง อ.เจน จึงใช้ญาณวิถีดูว่า ภาพที่เห็นพระพุทธรูปนั้นควรไปทิศทางใดเมื่อได้รู้ทิศทางแล้วก็ให้พลขับมิตรนำไปยังทิศนั้น การเดินทางผ่านไปหลายจังหวัดอยู่เหมือนกันในญาณบอกว่าต้องเป็นจังหวัดนั้นก็มุ่งหน้าไปค่ะ
อ.เจน บอกว่า ลูกศิษย์พลขับหัวเราะว่า อ.เจน จะมีหรือพระพุทธรูปสีทองบนเขา แต่เมื่อขับรถผ่านไปพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะตรงกับที่ได้เห็นในนิมิต อ.เจน ดีใจเดินลงจากรถไปสำรวจดูพระพุทธรูปองค์นี้ก็เห็นว่ามีความสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เห็นว่าจะมีบุญใดที่จะสร้างกับพระพุทธรูปองค์นี้เลย จึงบ่นท่านเทวดา ท่านให้มาทำบุญที่นี่ไม่เห็นว่าจะมีบุญใดที่ลูกจะทำได้เลยค่ะ ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นที่พื้นเยื้องไปหน่อยมีฉัตรหักล้มชำรุดเสียหายมีแต่โครงเหล็กกองอยู่มีความกว้างขนาดศูนย์กลาง 40 นิ้ว ถือว่าใหญ่มากค่ะ แล้วก็แหงนไปที่พระพุทธรูปจึงได้เห็นเสาฉัตรที่มีสภาพเก่าแล้วด้วย จึงอุทานออกมาว่า “นี่ไงบุญใหญ่ ที่เราจะทำ” หลังจากนั้นได้ยกมือพนมต่อหน้าพระพุทธรูปโดยกล่าวว่า หากลูกมีบุญสัมพันธ์ที่จะได้นำผู้คนมาถวายฉัตรใหญ่ยังสถานที่แห่งนี้ได้จริงก็ขอให้ลูกได้สร้างบุญฉัตรใหญ่ถวายวัดด้วยเถิด แต่ก็ไม่รู้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นของวัดใด จึงเดินสำรวจทั่วบริเวณได้เห็นตู้รับบริจาคเขียนจดชื่อวัดเอาไว้แล้วจึงเดินทางไปที่วัดแห่งนั้นเขากำลังมีพิธีสวดศพกันอยู่คนกว่า 300 คน นั่งอยู่เต็มวัด อ.เจน ได้พบลุงคนหนึ่งอายุประมาณ 80 ปี ลุงแกเป็นคนหูตึงพูดถามอะไรแกก็ไม่ได้ยิน ทำให้ อ.เจน ต้องตะโกนดัง ๆ ทำให้เสียง อ.เจน ดังไปทั่วบริเวณเลยค่ะ อ.เจน เล่าจี๊ดก็ขำฮาเพราะพอจะนึกภาพออกค่ะ
ได้ความว่า ฉัตรดังกล่าวนั้นถ้าจะสร้างถวายต้องไปทำเรื่องร้องขอกับเทศบาล แต่ระหว่างเดินทาง อ.เจน ก็ยังคงเป็นกังวลว่า การยกฉัตรที่ผ่านมาเคยจ้างใช้รถยก (รถเฮี้ยบ) ทำการยกฉัตรใหญ่ ซึ่งมีราคาแพงมากราคาเป็นหมื่น และครั้งนี้เป็นบุญที่กระชั้นชิดเงินที่เข้าวัดก็จะน้อยเมื่อหักค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ไปด้วย ยังบ่นกับลูกศิษย์ว่าต้องใช้เงินเยอะแน่ ๆ เมื่อ อ.เจน เดินทางไปเทศบาลเจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปขอนายกเทศมนตรี แต่ท่านเพิ่งเดินออกไปแล้ว อ.เจน จึงขอร้องให้โทรศัพท์ไปเรียนท่านว่าจะขออนุญาตติดตั้งฉัตรถวายพระ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่รู้จัก อ.เจน หรอกค่ะแต่ก็รีบโทรศัพท์ต่อสายทันที ท่านนายกเทศมนตรีท่านก็ดีใจ บอกทำเลยทำได้เลยเพราะทางเทศบาลก็ยังเป็นทุกข์กังวลในเรื่องนี้ เพราะไม่มีงบประมาณค่าใช้จ่ายนี้เลย ซึ่ง อ.เจน ก็ได้กล่าวขอบคุณ และคิดถึงรถเฮี้ยบขึ้นมาจะว่าจ้างที่ไหน และเวลาอันกระชั้นชิดนี้จะหาได้ที่ไหน ซึ่ง อ.เจน คิดถึงอานิสงส์บุญนี้ขึ้นมาจึงได้พูดกับเจ้าหน้าเทศบาลว่า การถวายฉัตรเป็นบุญใหญ่เกี่ยวกับการเลื่อนยศเลื่อนตำแห่ง หากคุณจะได้มีอานิสงส์บุญร่วมกันขอให้จัดหารถยกมาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจะได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า เหรอ ๆ ได้ ๆ ยินดีช่วยเหลือให้ เพราะที่เทศบาลมีรถยกไม่ต้องเป็นห่วงมีบริการให้ค่ะ นั่นแหละที่ทำให้อ.เจน หายวิตกกังวลไปหลายเรื่องเชียวค่ะ จี๊ดได้รับฟังแล้วก็รู้สึกโปร่งโล่งสบายทางสะดวกไปกับ อ.เจน ด้วยค่ะ
เชื่อหรือไม่ อ.เจน จะสร่างความมั่นใจให้แก่ทางเจ้าหน้าที่เทศบาล จึงได้แจ้งว่า ตนเองเป็นใคร มาจากรายการใด แต่ไม่มีผู้ใดรู้จัก อ.เจน ค่ะ อ.เจน บอกว่าเขาก็ทำหน้า งง งง อยู่แต่ไม่พูดอะไรค่ะ
วัดที่ 2 ห่มผ้าพระเจดีย์ อ.เจน เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ ได้เห็นพระเจดีย์ที่ทรุดโทรมมาก แต่ในญาณวิถีของ อ.เจน ได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ภายใน เหมือนกับการสร้างภาพให้คนไม่สนใจว่าภายในนี้มีดีอะไร แต่ อ.เจน รู้ได้ค่ะว่าภายในมีดีอะไร เพราะเห็นในตาทิพย์ค่ะ อ.เจนกับลูกศิษย์ จึงได้เดินสำรวจและเพื่อพบเจ้าอาวาส แต่ได้เจอกับลุงกับป้า เดินกันมา แต่ในญาณของ อ.เจน รู้สึกว่าเคยพบ 2 คนนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว ทั้ง 2 คนนี้ ก็เข้ามาทักทายด้วยความยิ้มแย้มเป็นมิตร โดยถามว่ามาจากไหนกันเล่าจ้า อ.เจน จึงบอกไปว่า หนูจะมาขออนุญาตเจ้าอาวาสเพื่อขอห่มผ้าพระเจดีย์ค่ะ ซึ่ง อ.เจน รู้ในญาณวิถีว่า พระเจดีย์นี้เก่าแก่นับร้อยปี จึงถามลุงกับป้าว่ารู้ประวัติของพระเจดีย์นี้หรือไม่ ทั้งสองคนก็เล่าว่า อายุวัด 130 ปี แต่เจดีย์นี้สร้างขึ้นมาก่อนหน้านั้นอีก และลุงกับป้าก็เล่าว่า เมื่อไม่นานนี้ เพิ่งทำพิธีหล่อรูปเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรมรังสี เห็นมั้ยค่ะ ดังนั้นเราต้องมีบุญสัมพันธ์กับวัดนี้แน่ ๆ ขณะที่พูดคุย อ.เจน จึงมีเจตนาจะทำบุญสร้างฐานพระสมเด็จโต แต่ก็รู้ในญาณวิถีว่า ฐานสมเด็จโต ก็มีเจ้าภาพแล้ว อ.เจน จึงถามไปว่า ฐานตั้งพระสมเด็จโต มีเจ้าภาพแล้วใช่มั้ยค่ะลุงกับป้าก็ตอบว่า ใช่ ๆ แต่เชื่อมั้ยทั้งสองคนไม่ได้เอะใจสงสัยเลยหรือว่า ผู้หญิงคนนี้รู้ได้ยังไงกันค่ะ
อ.เจน บอกว่า ที่วัดนี้เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่ 5 ท่านเดินทางมาทางเรือได้เห็นพระเจดีย์แต่ไม่มีวัดจึงเกิดความศรัทธาและมีดำริให้สร้างวัดนี้ขึ้นมา นั่นแสดงว่าพระเจดีย์มีอายุยาวนานกว่าวัดตามที่ได้รับคำบอกเล่ามาจากลุงกับป้าค่ะ คณะบุญเราจะทำการห่มผ้าพระเจดีย์ที่มีความยาว 15 เมตรค่ะ และ อ.เจน จะนำอธิษฐานตัดวิบากกรรมด้วยค่ะ
วัดที่ 3 ทอดผ้าป่าสามัคคี ร่วมสร้างศาลาการเปรียญ อ.เจน เล่าว่า บอกกับเทวดาต้องการสร้างบุญวิหารทานมีบุญใดขอให้ท่านดลจิตดลใจไปด้วยเถิด เมื่อเดินทางไปสักพักก็ได้พบวัดแห่งนี้ และได้เห็นมีเสาเอกตั้งอยู่ จึงสั่งให้พลขับมิตรเข้าไปวัดนี้เขาก็ขับเข้าไปอย่างรวดเร็วจอดเอี๊ยดเลยค่ะ อ.เจน เล่าให้ฟัง แบบขำขำ เพราะดีใจกันที่ได้เห็นว่าวัดนี้ต้องเป็นบุญวิหารทานอย่างแน่นอนค่ะ อ.เจน จึงรีบลงจากรถเพราะต้องการที่จะรู้ว่าที่วัดนี้กำลังสร้างอะไร จึงได้พบกับพระลูกวัดท่านบอกว่า กำลังสร้างศาลาการเปรียญ อ.เจน ก็ดีใจค่ะ พระลูกวัดจึงนำไปพบกับเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้อาตมามีความวิตกกังวลมาโดยตลอด ทางวัดไม่มีสถานหรือพื้นที่ศาลาที่กว้างขวางพอที่จะรับรองผู้ที่มาทำบุญ ปัจจุบัน ใช้พื้นที่เมรุเผาศพต่อเติมทำเป็นศาลาเอนกประสงค์ และมีศาลาหลังเล็กค่อนข้างคับแคบไม่พอที่จะรับรองผู้คนที่มาทำบุญ เจ้าอาวาสเล่าต่อไปว่า มีเงินเก็บสะสมมานานหลายปีได้จากเงินทอดกฐินผ้าป่าต่าง ๆ ประมาณ10 ล้านบาท แต่เมื่อเรียกช่างมาตีราคาคิดเป็นเงิน 20 ล้านบาท ก็ต้องขาดเงินอีกมากและเปลี่ยนช่างมาต่อรองราคาหลายช่างแล้วจึงคิดมาก ถ้าไม่สร้างตอนนี้รอเก็บเงินต่อไปก็เป็นทุกข์ จึงได้เริ่มลงเสาเอกเพื่อให้งานสร้างศาลาดำเนินต่อไปมีเงินเท่าใดก็ค่อยสร้างไป เพราะนับวันค่าวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างอื่น ๆ จะมีราคาแพงขึ้นไปอีก
ระหว่างที่ อ.เจน พูดคุยอยู่กับเจ้าอาวาสก็ได้เห็นในญาณวิถีว่า ที่วัดแห่งนี้ต่อไปในภายภาคหน้าจะสว่างจ้าไปด้วยบุญกุศล ทำให้ อ.เจน รู้สึกยินดีมากที่จะได้มาทำบุญที่วัดแห่งนี้เท่ากับว่าคณะบุญของเรานั้นจะเป็นผู้เบิกฤกษ์ให้กับทางวัดนี้ เพื่อให้พระพุทธศาสนามีสืบต่อไป จี๊ดฟังแล้วก็ขออนุโมทนาสาธุไปกับอาจารย์ด้วยค่ะ
มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกหลวงพ่อว่า ผู้หญิงคนนี้อยู่ในทีวีโทรทัศน์เคยเห็นแต่จำไม่ได้แบบคุ้น ๆ อ.เจน รู้ในญาณวิถีว่า ที่วัดนี้มีอดีต เจ้าอาวาสมีหลายรูป จึงได้สอบถามท่านเจ้าอาวาสไปตามที่เห็น ว่า ที่นี่เจ้าอาวาสเดิมท่านไปไหนเสียแล้ว เจ้าอาวาสท่านก็ตอบว่า เจ้าอาวาสรูปเก่า ชื่อพระเป๋ ท่านมีอำนาจแต่ตั้งพระครูได้ และ อ.เจน จึงพูดว่า สถานที่แห่งนี้เป็นเส้นทางเดินทางเดินทับของพระเจ้าตาก เจ้าอาวาสท่านรีบ ตอบ ใช่ ใช่ แต่เจ้าอาวาสท่านก็ไม่ได้เอะใจเหมือนกันว่า อ.เจน รู้ได้อย่างไร ก็เพราะ อ.เจน มีญาณวิถีจึงรู้ได้แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเนิ่นนานสักเพียงใด อ.เจน สามารถย้อนอดีตได้ค่ะ จี๊ดคอนเฟริมค่ะ จี๊ดอยากจะบอกว่า เป็นบุญที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดสักบุญที่ อ.เจน นำพาไปค่ะ มีอีกหลายเรื่องที่อยากจะเล่าว่า ทำไมงานบุญเสบียงสวรรค์ของ อ.เจน สามารถช่วยเหลือท่านได้ในยามคับขัน วันหลังแล้วกันนะค่ะจะเล่าค่ะ
อาจารย์ทั้งสองสู้บุญทั้งคู่ คุณรุ้งไม่ได้รับประทานอาหารและท้องเสียตลอดเส้นการเดินทางแต่อาจารย์สู้บุญจริง ๆ ค่ะ ด้วยอานิสงส์บุญทุกบุญที่คณะบุญเสบียงสวรรค์ อ.เจน ญาณทิพย์ จะได้ดำเนินการในวันที่ 12มี.ค.60 จี๊ดขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ทั้งสอง และทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันมาในครั้งนี้ และขอเชิญชวนไปร่วมบุญด้วยกัน พบกันในงานบุญนะค่ะ
จี๊ดจ๊าด
|