แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2019-3-7 18:05
เชิญอ่านเรื่องเล่าจี๊ดจ๊าดบรรยายสนับสนุนทริป 67 ด้านล่างค่ะ
สวัสดีค่ะจี๊ดจ๊าดมาแล้วเจ้าค่ะ วันนี้ว่าง ๆเมื่อวันก่อนงานตรึมก็ได้เขียนเรื่องงานบุญของคณะบุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 67 ตอน “รอยธรรมสามวิหารศักดิ์สิทธิ์” ที่พวกเราจะได้ไปสร้างบุญกุศลกันในวันอาทิตย์ที่31 มีนาคม 2562 แต่แหมยังไม่ได้เขียนอะไรมากเท่าใดเลยค่ะ แต่พอมาอาทิตย์นี้พอจะมีเวลาว่างจี๊ดก็มีเรื่องเด็ด ๆ มีข้อคิดดี ๆที่จะมาเล่าสู่กันฟังและเพื่อให้มองเห็นเป็นธรรมมะ นะค่ะเพราะใดใดในโลกนี้ล้วนแล้วอนิจัง และทั้งนี้ ด้วยสิ่งสมมุติต่าง ๆอาจารย์เจนได้แนะนำให้เราทุกคนจะต้องพิจารณาให้ดีค่ะ ดังนั้น จี๊ดขอเล่าเรื่องต่างๆ ในรอบอาทิตย์นี้แล้วเรามาพิจารณากันนะค่ะ เป็นธรรมมะค่ะ ดังนี้ค่ะ
เรื่องที่ 1 การถวายสีเพื่อนำไปทาสีพระพุทธรูป ตามที่อาจารย์ได้เชิญชวนทุกท่านไปทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมบูรณะวิหารพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ร่วมบุญติดนิลตาพระ ถวายรอยพระพุทธบาทจำลองเพื่อนำไปประดิษฐ์ฐานในวิหารด้านหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ร่วมซื้อสีทองอย่างดี ยี่ห้อลีลาวา ถวายให้กับวัดโดยทางวัดจะจ้างช่างมาทาเอง รวมทั้ง ห่มผ้าพระพุทธรูป พระสารีบุตร และพระโมคคัลลา นั้น
จี๊ดก็ยินดีและอนุโมทนาบุญไปกับทุกท่านที่ร่วมบุญกันมาด้วยนะค่ะเพียงวัดเดียวทำบุญมากถึงเพียงนี้และที่สำคัญจี๊ดต้องขออนุโมทนาบุญไปกับอาจารย์เจนด้วยอีกคนหนึ่งนะค่ะถ้าไม่มีอาจารย์เจนใช้ญาณวิถีดูว่าทำบุญอะไรจะได้บุญมากและได้เจรจากับเจ้าอาวาสเพื่อขออนุญาตทำการงานบุญดังกล่าวก็อดทำบุญใหญ่ ๆอย่างนี้เป็นแน่แท้เชียวค่ะ
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จี๊ดอยากจะบอกกล่าวเล่าเรื่องให้เข้าใจด้วยกันนะค่ะ และจี๊ดมีเรื่องที่อยากจะบอกเล่าเก้าสิบเพื่อความเข้าใจในการทำบุญของคณะเสบียงสวรรค์ก็คือ มีท่านหนึ่งมีคำถามและได้ให้คำแนะนำมาด้วยความเป็นห่วง กรณี การร่วมซื้อสีทองอย่างดี ยี่ห้อลีลาวา ถวายให้กับวัด เพราะได้อ่านข่าวมาว่ามีกลุ่มทำบุญไปบูรณะวัดพระเก่า เป็นสิบเป็นร้อยวัด โดยไม่แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้โบราณวัตถุวัดเสียหาย จึงไม่กล้าร่วมบุญในครั้งนี้ค่ะ
เรื่องนี้เป็นคำถามที่ดีค่ะ เพื่อเป็นความรู้ และมีอีกหลายท่านอาจมีคำถามในใจแบบนี้ไม่กล้าที่จะถามและทำให้ไม่กล้าที่จะทำบุญ ดังนั้น จี๊ดมีคำตอบให้ค่ะ คือเรื่องนี้อาจารย์เจนรับทราบดีค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการทาสีกำแพง โบสถ์หรือการเทปูนต่าง ๆ รวมทั้งในครั้งนี้อาจารย์เจนจะต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดก่อนทุกครั้ง และถ้าวัดนั้น ๆมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลทางวัดก็จะแจ้งให้อาจารย์เจนทราบว่ามีหน่วยงานดูแลสามารถทำได้ทำไม่ได้ท่านเจ้าอาวาสท่านจะแจ้งให้โดยละเอียดค่ะและสำหรับในทริปนี้อาจารย์ได้ถวายสีทองเพื่อให้กับทางวัดนำไปทาสีองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โดยทางวัดจะเป็นผู้ว่าจ้างช่างมีฝีมือนำไปทาสีเองด้วยเงินบริจาคของทุกท่านที่จะได้ร่วมบุญกันมาในครั้งนี้ค่ะโดยอาจารย์เจนได้เน้นที่คุณภาพของสี จึงได้เป็นผู้จัดหาซื้อสียี่ห้อที่ดีที่สุด (ยี่ห้อ ลีวาวา) ราคาแพงที่สุด (กระป๋องละประมาณ 3,800 บาท) ไม่รวมทินเนอร์เฉพาะของสียี่ห้อนี้ซึ่งเป็นสีที่รับประกันได้ว่าติดทนนานหลายปีดีที่สุดค่ะ และในการทาสีองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้เดิมก็เป็นสีทองอยู่แล้วและได้บูรณะไปหลายครั้งแต่ด้วยความเก่าและเกิดจากมูลนกไปเกาะองค์ท่าน และด้วยความเก่าแก่ไม่มีการบูรณะนานแล้วถ้าไม่บำรุงรักษาก็จะไม่สวยงาม ซึ่งอาจารย์เจนก็ไม่ได้ดัดแปลงแต่งเติมสิ่งใดให้แตกต่างไปจากสีเดิมค่ะ
สำหรับการทาสีกำแพงโบสถ์หรือวัด ที่อาจารย์เจนได้เคยนำพาทุกท่านไปทำบุญนั้นส่วนมากสีกำแพงวัดหรือโบสถ์จะมีสภาพที่เก่ามากสีหลุดลอกออกแทบจะไม่เหลือความเป็นสีเดิมอยู่เลยค่ะ และหลายวัดก็ไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปเหลียวแลเลยค่ะ ซึ่งกำแพงหรือวัดนั้น ๆก็มีสภาพสีเก่าดั้งเดิมทาเอาไว้นานมากแล้ว ด้วยความเก่าและซีดไปตามกาลเวลาอาจารย์เจนเมื่อได้ไปพบเห็นก็ต้องการให้วัดมีความสวยงามเพื่อให้ผู้คนได้เข้าวัดทำบุญกับวัดที่มีความสดใหม่และสวยงาม มีเมื่อผู้คนที่ผ่านไปมาเข้าวัดและได้เห็นวัดที่มีความสวยงามสะอาดตาจะได้แวะเวียนเข้ามาทำบุญสร้างกุศลที่วัดด้วยอานิสงส์บุญนี้ทุกท่านที่ได้ร่วมบุญกันมาก็ได้อานิสงส์บุญร่วมกันทุกครั้งที่มีผู้คนเข้ามาทำบุญที่วัดนั้นๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าท่านจะได้ล่วงลับไปจากโลกนี้ไปเกิดภพชาติใหม่ผลบุญนี้ก็จะติดตามตัวท่านไปด้วยค่ะ
เคยมีคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าเอ..คนนี้ คนนั้น เข้าไปทำบุญอะไรมา ถึงได้อะไรดีดีได้ทำสิ่งใดก็ง่ายไปเสียทุกอย่าง ไม่มีอุปสรรคหรือทำไมเขามีผิวพรรณสวยงามมากกว่าคนอื่น เขาไปทำอะไรมาก็นี่และค่ะจี๊ดได้ติดตามอาจารย์เจนมานานพูดได้เลยว่า ก็เขาทำของเขามาค่ะคนที่อาจารย์ตรวจกรรมให้เขาไม่ได้มีแต่กรรมอย่างเดียวนะค่ะเขาก็มีบุญที่ได้สร้างสมมาด้วยค่ะซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้แลนะค่ะ สรุปเรื่องนะค่ะเอาเป็นว่าทุกท่านไม่ต้องวิตกกังวลใจในเรื่องของการถวายสีให้ทางวัดไปทาสีนะค่ะ และไม่ต้องกังวลใจเรื่องที่ทุกท่านได้ไปช่วยกันทาสีกำแพงวัดหรือโบสถ์นะค่ะ และรู้หรือไม่ค่ะว่าคือจี๊ดไม่ได้เห็นเองนะค่ะอาจารย์เห็นแล้วมักจะมาเล่าให้จี๊ดฟังเผื่อจี๊ดจะได้จดจำเอาไว้ไปบอกต่อ วันนี้ก็ขอบอกต่อกันเลยนะค่ะว่าที่ผ่านมาขณะที่ทุกท่านที่ขณะกำลังทาสีทำความดีอยู่นั้น มีทั้ง เทวดา รุกขเทวดายมทูต และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกครั้งบางครั้งเหล่าเทวดาก็พากันอื้ออึงกันว่าดูสิมนุษย์มากมายมาช่วยกันทำความดี ๆไม่เคยเห็น ๆบางครั้งก็มีเจ้าหน้าที่จากนรกภูมิมาถ่ายภาพการทำความดีของทุกท่านโดยที่ท่านไม่รู้ตัว แต่อาจารย์ก็บอกว่าไม่รู้เขามาถ่ายไปทำไมแต่เป็นเรื่องที่ดีค่ะจี๊ดว่านะที่รู้รู้ก็เอานะท่านยมทูตจะได้รู้จักพวกเราดีพวกเราทำความดียังไงเล่าค่ะ สาธุค่ะ
ด้วยอานิสงส์บุญแห่งการทำสิ่งที่ประณีตและสวยงามเช่น บูรณะพระพุทธรูปให้สวยงาม ไม่ว่าจะเกิดภพใดชาติใดเราจะเป็นผู้ที่มีหน้าตาผิวพรรณสวยงามผุดผ่องไม่มีตำหนิหากเกิดไปเป็นเทวดานางฟ้าก็จะมีแสงบุญที่สว่างไสวกว่าเทวดาและนางฟ้าทั้งปวงเป็นผู้ที่มีหน้ามีตามีผู้คนรักใคร่นับถือ
ในสมัยพระพุทธกาล อานิสงส์ที่พระนางวิสาขามีความสาวความสวยไม่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะว่าในชาติก่อนท่านบูรณะพระพุทธรูปที่ปรักหักพังทรุดโทรม คือ มีผิวแตกทองลอกไปเสียแล้วท่านซ่อมพระพุทธรูปด้วยกุศลเจตนาจริง ๆ เกิดมาชาตินี้จึงกลายเป็นคนสวยงามค่ะ
และการที่พระนางวิสาขามีเครื่องประดับประกอบไปด้วยแก้วเพชรนิลจินดาและทองคำเสื้อคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า มีนกยูงรำแพน มีแก้วมณีตั้ง ๒๐ ทะนานและมีแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล อะไรต่ออะไรอีก เสื้อตัวนั้นไม่มีด้ายเลยที่ทำเป็นด้ายก็ทำด้วยเงินหรือเป็นทองคำก็เพราะอาศัยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาในอดีตชาติ
เรื่องที่ 2 ถวายพระพุทธรูปได้ไปเกิดในชั้นจาตุมมหาราชิกา เนื่องจากมีคนที่รู้จักกันคุณพ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหันโดยไม่มีสิ่งใดบอกกล่าวได้ว่าท่านจะต้องลาจากโลกนี้ไปคืออยู่ดีดีท่านก็นอนหลับสิ้นชีวิตไปอย่างเงียบสงบค่ะ คนเราอะไรก็ไม่แน่นอนนะค่ะอาจารย์เจนขอให้จี๊ดนำเรื่องนี้มาเล่าเป็นวิทยาทานให้แก่ทุกท่าน เพื่อให้ทุกท่านไม่ประมาทในการดำรงชีวิตและหมั่นทำบุญสร้างกุศลอย่าได้ขาดโดยอย่าได้ห่วงหาแต่ทางโลกจนลืมทางธรรมเพราะเมื่อถึงยามที่เราจะต้องลาจากโลกนี้ไปนั้นก็จะไม่มีสิ่งใดที่จะมาช่วยพวกเราได้นอกจากบุญเท่านั้นที่เราจะเอาไปได้ค่ะ
งานสวดพระอภิธรรมให้แก่ศพท่านคืนแรกอาจารย์เจน คุณรุ้ง และลูกศิษย์ก็ได้เดินทางไปร่วมงานศพคุณพ่อของลูกศิษย์หญิงคนนี้เมื่อเสร็จสิ้นจากพิธีสวดพระอภิธรรมแล้วก่อนลากลับอาจารย์ก็ได้พูดแก่ลูกศิษย์คนนี้ว่า คุณพ่อฆ่าสัตว์มามากแต่ท่านเป็นคนมีเมตตาจิตใจดี และด้วยความที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนจึงไม่ได้ทำบุญใส่บาตรซึ่งลูกศิษย์คนนี้ก็พูดว่า จริงค่ะอาจารย์ท่านเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ค่ะแต่ท่านไม่เคยบ่น ดุ หรือว่ากล่าวพวกลูก ๆ เลย ท่านมี บุตรทั้งหมด 12 คน เสียชีวิต 1 คน ลูกศิษย์คนนี้เป็นคนที่ 10 โอ้โหเยอะแยะมากมายแต่ท่านก็เลี้ยงดูบุตรได้เป็นอย่างดีค่ะ อาจารย์เล่าต่อไปว่าได้เห็นในญาณวิถีแล้วว่า ขณะนี้ท่านเข้าแถวรอลงทะเบียนอยู่ค่ะ จี๊ดก็ถามว่าคนที่เสียชีวิตต้องไปลงทะเบียนหรือค่ะ อาจารย์บอกว่า ใช่แต่คุณพ่อจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั้น 1 (จาตุมหาราชิกา) โอ้โหสุดยอดเลย แต่จี๊ดสงสัยค่ะท่านไม่ทำบุญใส่บาตรแล้ว ท่านถึงได้ไปอยู่สวรรค์ ชั้น 1 ได้เล่าค่ะ อาจารย์เจนบอกว่า เพราะว่ามีครั้งหนึ่งท่านได้เป็นเจ้าภาพสร้างพระพุทธรูป ดังนั้นก่อนที่ท่านจะสิ้นท่านได้จดจำภาพบุญนั้นไว้ได้จิตดวงสุดท้ายของท่านคิดถึงบุญที่เคยทำมาท่านจึงได้ไปอยู่ในภพภูมินี้โอ้โหตื่นเต้นมากค่ะ แหมวันนั้นจี๊ดรู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่ตัวเรานะทำบุญมาตั้งหลายอย่างจำไม่หมดเลยและทุกท่านผู้อ่านเล่าค่ะท่านทำบุญจนจำไม่หมดเหมือนจี๊ดหรือเปล่าค่ะ มีบทความคำอธิบายมาฝากดังนี้ค่ะ
จาตุมหาราชิกาเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 จัดอยู่ในกามภพเป็นปรโลกฝ่ายสุคติภูมิ ในบรรดาสวรรค์ทั้ง 6ชั้นนั้น สวรรค์ชั้นนี้จะมีความหลากหลายมากที่สุดเพราะอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมนุษย์มากกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆและมีบางส่วนมีที่อยู่ซ้อนกับภูมิมนุษย์จะมีเหล่าเทพบุตรเทพธิดามากมายหลายจำพวกอาศัยอยู่บุคคลที่จะไปเกิดบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา นั้น จะเป็นประเภทที่ทำบุญบ้าง ทำบาปด้วยแต่ก่อนตายระลึกถึงบุญที่ทำได้
เรื่องที่ 3 ปีศาจ/อสูรกาย เรื่องนี้น่าจะเป็นความรู้ของอีกหลายท่านที่จะทำบุญอะไรก็ต้องพิจารณาว่าเออ เรานะจะทำบุญอย่างนี้อย่างนั้นเราก็ต้องศึกษาใช่ว่าใครเขาพาไปไหนก็ไปกันไม่รู้กันล่ะว่าหนทางที่ไปนั้นเราจะไปพบเจออะไรกันนะค่ะเรื่องของปีศาจหรืออสูรนี้มีแต่คำเล่าลือมองไม่เห็นเพราะเราไม่มีตาทิพย์จริงมั้ค่ะงั้นเรามาฟังเรื่องราวของคนตาทิพย์หูทิพย์และมีญาณวิถีกันดีกว่าจะใครที่ไหนก็อาจารย์เจนของเรานี่เอง
เมื่อไม่นานมานี้อาจารย์ไปต่างประเทศค่ะซึ่งการเล่าเรื่องราวนี้จี๊ดก็ต้องขออุบไว้ไม่บอกนะค่ะว่าอาจารย์ไปประเทศไหนและไปเมื่อไหร่แต่ขอบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้สด ๆ ร้อน ๆ ค่ะ โดยอาจารย์เจนได้นำพาคณะบุญกลุ่มเล็กๆ เดินทางไปกับบริษัททัวร์ เพื่อเดินทางไปทำบุญที่ประเทศนั้นค่ะก่อนการเดินทางอาจารย์ก็ไปซื้อไข่มุกและสิ่งของประดับสวยงามแวววับสีสันสวยงามโดยนำมาร้อยเป็นสร้อยเป็นกำไร เพื่อนำไปบูชาเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าแม่กวนอิม องค์พระยูไล ฯลฯ ขอบอกว่าสร้อยมุกและกำไรที่ได้จากการร้อยให้เป็นเส้นประมาณ 300 เส้นอาจารย์และคุณรุ้งตั้งใจร้อยไม่ได้หลับนอนเพราะไม่มีเวลาแม้กระทั่งก่อนออกเดินทางค่ะ
ปีศาจและสมุนบริวาร เรื่องมีอยู่ว่าการไปกับคณะทัวร์เขาก็จะมีว่าวันนี้ไปไหนพรุ่งนี้ไปไหน เขาก็จะมีกำหนดการให้และวันหนึ่งไกด์ก็นำพาอาจารย์มาไหว้เทพที่คนที่เมืองนั้นนับถือมากทุกคนจะต้องแย่งกันมาที่นี่ทำให้ที่จอดรถและจะไม่มีแต่ผู้คนมากันแน่นขนัดนับพันคนเท่าที่อาจารย์ได้เห็นแต่ไกด์กับกระโดดโลดเต้นดีใจมากบอกว่า โชคดีจังอาจารย์วันนี้โชคดีมีคนน้อยคนไม่มากแต่อาจารย์ว่าคนเยอะมาก ไกด์ก็พูดว่าวันอื่นมากกว่านี้เยอะวันนี้มากับอาจารย์เจนโชคดีเป็นเช่นนั้นค่ะ เมื่อคณะอาจารย์เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นไกด์ก็บอกว่าที่นี่ต้องจุดธูปคนละ 108 ดอก แล้วไกด์ก็บอกว่านี่ คนมาที่เพื่อขอยืมเงินจากเทพเจ้า อะไรนะจี๊ดฟังจากอาจารย์จี๊ดยังอะไรนะอยู่อย่างนั้นมีด้วยหรือค่ะ มาขอยืมเงินจากเทพเจ้าอาจารย์บอกก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าคนมาที่นี่กันเป็นจำนวนมากจะมาขอยืมเงินเทพเจ้า
เมื่ออาจารย์เดินเข้าไปภายในมีคนจุดธูปมากมายไหว้อยู่ พออาจารย์เดินเข้าไป ไกด์ ก็แนะนำว่า นี่คือองค์เจ้าแม่กวนอิม อาจารย์เจนเล่าว่าเมื่อมองไปที่องค์ท่านก็คิดอยู่ในใจว่าทำไมองค์เจ้าแม่กวนอิมท่านจึงองค์สีดำไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และทันใดนั้นอาจารย์เจนก็ได้ รู้ในญาณวิถีว่า สถานที่แห่งนี้มีพลังงานติดลบ คือมีวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเองค่ะ ดังนั้น อาจารย์เจนเห็นท่าจะไม่ดีจึงถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะทำยังไงดีค่ะทันใดนั้นเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็บอกกับอาจารย์เจนว่า ให้สวดบทพระพุทธคุณ (อิติปิโส ภาคะวาฯ) ดังนั้น อาจารย์จึงนำคณะบุญฯ ทุกคนสวด ตั้งนะโม 3 จบ และตามด้วยบทพระพุทธคุณ พออาจารย์เริ่มสวดอิติปะโส ภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทธโธ................ ก็มีเสียงร้องกรีดดังออกมาจากรูปปั้นสีดำนั้นเมื่ออาจารย์เจนหันไปมองก็ได้เห็นปีศาจอยู่ในรูปปั้นสีดำนั้นร้องกรีดพร้อมกับอ้าปากค้างแล้วก็กรีดร้องออกมาเสียงดังมากเพราะทนฟังเสียงสดมนต์พระพุทธคุณเป็นบทสรรเสริญพระพุทธเจ้าค่ะแล้วทุกคนก็ยังคงสวดอยู่ยังไม่จบ 3 ห้อง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ยิ่งทำให้ปีศาจนั้นโกรธจัด โกรธจนดวงตาแดงก่ำพร้อมกันนั้นก็มีเหล่าบริวารของปีศาจมารุมห้อมล้อมเต็มไปหมดพวกเหล่าปีศาจเตรียมจู่โจมแล้วเมื่ออาจารย์เห็นอย่างนั้นแล้วทันทีที่สวดมนต์จบ ก็รีบแผ่เมตตาให้กับเหล่าปีศาจในทันทีทำให้พวกปีศาจก็เริ่มสงบลงเมื่อพวกปีศาจสงบลงอาจารย์ก็ยื่นถาดสร้อยมุกที่ร้อยไว้อย่างสวยงามที่อาจารย์ได้จัดเตรียมนำนั่นแหละค่ะยกขึ้นถวาย พวกเหล่าปีศาจก็ร้องกันอื้ออึงกัน ต่างก็ร้องว่าอะไร อะไร นั่นอะไร สวยสวย สิ่งนี้คืออะไร สวยจังเลย (ต้องอธิบายก่อนว่า อาจารย์เจนไม่เข้าใจภาษาของเขานะค่ะแต่ใช้ญาณวิถีแปลภาษาได้ค่ะว่าเขาพูดว่าอะไรกันค่ะ) ต่างก็พากันตกตะลึง ดังนั้น จากที่โกรธหนัก ๆก็ยินยอมรับฟังคำพูดจากอาจารย์เจน ซึ่งอาจารย์เจนก็พูดกับพวกปีศาจไปว่าที่เรามานี้ไม่ได้ต้องการทำร้ายพวกท่าน เราก็เอาบุญให้พวกท่านไปแล้วพร้อมถวายสร้อยไข่มุกให้แล้วพวกปีศาจต่างก็พูดว่า ขอบใจ ขอบใจ ขอบใจ (เซี้ยะๆๆๆๆ) แล้วอาจารย์เจนก็ถามไปว่าแล้วการที่ท่านดลจิตดลใจให้ผู้คนมากราบไหว้ท่านนี้เพื่อประสงค์อะไร ปีศาจบอกว่า ข้าต้องการบริวารมาก ๆ ยิ่งมากยิ่งดีจะให้มันตายไปให้หมดให้มาเป็นบริวารของข้า โอย ฟังแล้วน่ากลัวค่ะนี่เป็นความรู้อย่างหนึ่งนะค่ะจะไปไหนอะไรก็ต้องคิดพิจารณากันด้วยนะค่ะต่อจากนั้นอาจารย์เจนก็พูดกับปีศาจว่าท่านอย่าทำอย่างนี้เลยเป้นบาปเป็นกรรมค่ะแล้วก็ออกมาจากที่นั่น
จี๊ดถามอาจารย์ไปว่าถ้าวันนั้น อาจารย์เจนไม่เห็นพวกปีศาจจะเข้ามาจู่โจมทำร้ายจะเป็นอย่างไรกันบ้างอาจารย์เจนบอกพวกเขาก็จะเข้ามาแฝงเราในขนหนังฟันเล็บของเราแล้วแต่จะต้องเป็นอะไรก็ได้ค่ะ
อ้อมีอีกยังไม่จบสถานที่แห่งนั้นคนที่มากราบไหว้ก็ต้องไปซื้อ ฮู้ ซึ่งมีราคาแพงพอสมควรแล้วนำมาเขียนชื่อญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วเพื่อให้มารับบุญเมื่อเขียนเสร็จก็ส่งให้เจ้าหน้าที่วัดอ่าน ตามที่อาจารย์แปลในญาณทิพย์นะค่ะเขาว่าอย่างนี้ “บัดนี้คนนี้ ชื่อ....มาทำบุญให้ตามรายชื่อ.....ขอให้เทพเจ้า (ในรูปปั้นสีดำ) ส่งให้บรรดารายชื่อนี้ส่งพวกเขาไปสู่สวรรค์” พออ่านเสร็จอาจารย์บอกว่านับแสน ๆ รายชื่อต่อวัน อ่านทั้งวัน เขาอ่านตลอดอาจารย์เจนได้เห็นเหล่าวิญญาณก็มาต่างก็มาเอะ อะ โวยวาย ต่างก็พูดว่า ฮั้วมารอ รออยู่อย่างนี้ก็ไม่เห็นมีบุญอะไรให้ฮั้วมาทำอะไร หิวจะตายห่าอยู่แล้ว เนี้ยเรียกฮั้วมาแล้วก็ไม่ได้กินอะไร หิว หิว หิว โว้ย ซึ่งในญาณวีเห็นว่ารายชื่อนับแสนชื่อวิญญาณมาเพียง100 กว่าตน อาจารย์เจนจึงถามเหล่าวิญญาณไปว่าทำไมมาเพียงเท่านี้ พวกวิญญาณบอกว่าถ้าเป็นวันพระมากันทั้งหมด แต่วันนี้มาแค่นี้อาจารย์ก็ดูในญาณวิถีแล้ว จึงรู้ว่าพวกที่มาได้นี้เป็นวิญญาณแบบเรียกว่าเกรดดีกว่าวิญญาณอื่น คือยังพอมีบุญอยู่บ้างค่ะ
สรุปได้ว่ามายืมเงินจากเทพเจ้าก็ไม่ได้ ให้ส่งบุญให้ญาติพี่น้องที่ตายไปก็ไม่ได้เพราะผู้ที่ส่งบุญก็ไม่ได้ และคนเราคิดได้ไงมาขอยืมเงินจากเทพเจ้า จริง ๆแล้วเราต้องขยันทำกินถึงจะได้ เช่นเดียวกับคนที่ต้องการทำบุญมากก็ต้องหมั่นทำทานสวดมนต์ ถือศีลและเจริญภาวนา ค่ะ
อาจารย์เจนบอกว่าปีศาจมีจริง ต้องไปอ่านประวัติหลวงปู่แหวน พบเจอปีศาจ ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะค่ะ
เรื่องที่ 4 วัวพันธุ์อ้วน อาจารย์เจนเล่าว่าที่ต่างประเทศได้พบวัวตัวหนึ่งน่าสงสารมากเป็นวัวพันธุ์อ้วนอาศัยอยู่บนภูเขาสูง พันธุ์ของวัวตัวนี้คือมีเนื้อที่อ้วนมากกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มอาจารย์รู้ในญาณวิถีว่าถึงแม้จะอ้วนอย่างไรก็กินไม่อิ่มสักมันจะหิวอยู่ตลอดเวลาวัวตัวนี้จึงเครียดและไม่มีความสุขทีค่ะ ซึ่งมีคนต่างชาติที่มาท่องเที่ยวมาถ่ายรูปแต่ทางวัดมีกฎห้ามให้อาหารวัว ถ้าใครฝ่าฝืนจะโดนปรับ 4,000 บาทไทยค่ะซึ่งอาจารย์เจนเห็นแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ในมือมีขนม 3-4 ห่อจึงอธิษฐานขออย่าให้โดนจับได้ถ้าจะให้อาหารวัว ซึ่งก็สำเร็จค่ะไม่มีใครจับได้ค่ะ
อาจารย์เจนได้เห็นกรรมที่วัวตัวนี้ทำมาในอดีตชาติค่ะ คือ ครั้งที่เป็นคนที่ใช้แรงงานคน คดโกง หินดิน ทราย และที่น้ำหนักตัวอ้วนหนักเป็นร้อยกิโลเพราะว่า ใช้แรงงานคนให้แบกอิฐ หินดิน ทรายสร้างเพื่อนำไปสร้างวัดค่ะ วัวตัวนี้จึงได้เกิดมาเป็นวัวในเขตวัด และบุญ ของวัวตัวนี้ที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัดแม้จะคดโกงเขามา คือ ไม่ถูกฆ่ามีแต่คนมาขอถ่ายภาพและดังไปทั่วโลก ค่ะ เรื่องที่จี๊ดนำมาเล่านี้ก็เพียงแต่ให้ทุกท่านได้ตระหนักว่าบุญเท่านั้นที่เราเอาไปได้และการทำบุญต้องทำด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นว่าบุญนั้นมีจริงบุญนั้นเป็นสิ่งที่ดีและสวยงาม บุญคือความสุข ความสงบและจะปล่อยวางและว่างไปในที่สุด
จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของคนทำบุญ และคนทำกรรมขอให้ทุกท่านได้พิจารณาว่า พวกเราจะช้าอยู่ใยมีบุญอะไรที่อยู่ตรงหน้าทำไปก่อนเถอะค่ะ และอย่ารอเวลาว่าเมื่อนั่น เมื่อนี่จะทำเพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันที่เรากำหนดจะทำบุญหรือไม่นะค่ะ อะไรรออยู่ตรงหน้าเราก็คว้าเอาไว้ก่อนนะค่ะ จี๊ดได้พบเห็นทุกคนที่ผ่านมาที่มาตรวจกรรมกับอาจารย์เจนล้วก็มีกรรมติดตามตัวและบุญที่ติดตามตัว เช่นนี้แล้ว ขอให้มีบุญติดตามตัวเราไปจะดีกว่าและยิ่งถ้าเรามีเจ้ากรรมนายเวรรออยู่อย่างนี้ เราเดินหนึ่งก้าวเขาก็เดินตามเราหนึ่งก้าว ดังนั้น เราต้องวิ่งหนีเขาไปด้วยการทำบุญเพื่อลดทอนวิบากกรรมให้เขาเห็นใจและอโหสิกรรมเราจะดีกว่าค่ะบางครั้งเราก็มานั่งรันทดใจว่าชีวิตของเราทำเป็นอย่างนี้อย่างนั้น แต่เราคงลืมไปแล้วว่า เราคงทำเขามาเราต้องชดใช้เหมือนเราติดหนี้สินใครเราก็ต้องชดใช้ ติดหนี้ธนาคารก็มีดอกเบี้ยทบต้นกันไปสู้อุตส่าห์ว่าทำบุญล้างหนี้ค่อย ๆ ผ่อนหนี้กรรมนั้นจะดีกว่าค่ะ และมีหลายรายที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรไปเกิดก็มีมากที่ได้มาร่วมทำบุญทอดผ้าป่าฯกับคณะบุญเสบียงสวรรค์ เนื่องจากว่าการทำบุญด้วยหมู่คณะใหญ่จะมีพลังบุญมากมีอานิสงส์ใหญ่ร่วมกันค่ะ
เรื่องที่ 5 แมวเด็กเส้น เป็นแมวที่บ้านอาจารย์เจนที่จี๊ดเคยเล่าไปแล้วมาใหม่ ๆ อาจารย์เจน ตั้งชื่อว่า ถุงทอง อยู่ไปมา ชื่อ ทอง เค้ารักกันทั้งบ้านขี้วีนด้วยนะค่ะ มักจะอารมณ์เสียง่าย ชอบนอนบนผ้าจีวรพระสีเหลืองชอบมากค่ะเมื่อวานนี้แลดูหมั่นไส้มากค่ะ เดินนวยนาดกินแล้วนอนในห้องแอร์สบายอารมณ์มาก (ช่วงนี้อากาศร้อนแม่ตี้เปิดแอร์นอนเจ้าทองก็ไม่ไปไหนค่ะ) หล่อนก็จะนั่ง ๆ นอน ๆ และกิน ตลอดวันชีวิตดี้ดีค่ะ บุญที่เคยบวชเป็นสามเณรน้อยมา ขนแมวตัวนี้จะสวยงามมากค่ะ กรรมที่เป็นแมวเพราะเจ้าชู้ผิดศีลข้อ 3 นี่ไงเล่า ค่ะกรรม
จี๊ดขอเป็นตัวแทนอาจารย์เจนมาบอกบุญและเชิญชวนทุกท่านสำหรับทริป67 นี้ ไปทำบุญ วัดก็ต้องใช้ปัจจัยมาก ค่าสีก็แพง
จี๊ดจ๊าด
_________________________________________________________________________________
สวัสดีค่ะ จี๊ดจ๊าดมาเล่าเรื่องการติดตามอาจารย์เจน ญาณทิพย์ไปสำรวจเส้นทางหาวัดที่จะได้นำ ทุกท่านไปร่วมบุญกับคณะบุญเสบียงสวรรค์ ครั้งที่ 67 โดยใช้ชื่อตอนว่า “รอยธรรม สามวิหารศักดิ์สิทธิ์” เราจะไปทำบุญกันในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2562 ซึ่งในครั้งนี้คณะบุญฯ ของเราจะได้ทำบุญหลากหลาย มากมายก่ายกองเชียวค่ะจี๊ดก็ดีใจแทนทุกท่านนะค่ะที่ได้มีส่วนในบุญกุศลที่มากกและมหาศาลงานบุญอย่างนี้ค่ะ นั่นก็เพราะว่ามีงานบุญงานกุศลที่ทุกท่านจะได้ทำร่วมกันและทำบุญนั้นภายในวันเดียวแหมเราจะหา ทำงานบุญอย่างนี้ที่ไหนได้ค่ะ ถ้าไม่ใช่งานบุญเสบียงสวรรค์ของอาจารย์เจนญาณทิพย์ ดังนั้น จี๊ดขอสรุปบุญกุศลที่ทุกท่านจะได้กระทำร่วมกัน รวม 3 วัด ดังนี้ ค่ะ ร่วมบุญดังนี้ค่ะ ⁃ ทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมบูรณะวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ⁃ ร่วมซื้อรอยพระพุทธบาทจำลองขนาด22’’x 40’’ ประดับเพชรพลอยด้วยงานฝีมือ ⁃ ร่วมบุญนิลตาพระทั้ง2 ข้าง ⁃ ทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ ⁃ ร่วมบุญซื้อเครื่องสังฆทานจำนวน 2 วัด ⁃ ร่วมบุญซื้อผ้าห่มพระพุทธรูปจำนวน 2 วัด ⁃ ร่วมบุญซื้อสีทองคุณภาพดี ยี่ห้อ “ลีลาวา” เพื่อถวายให้กับวัดและทางวัดจ้างช่างทาสีเอง การร่วมบุญ - กองทุนละ 2,000 บาท - ตามกำลังศรัทธา เรื่องเล่าการสำรวจเส้นทางบุญ ดังนี้ค่ะ ก่อนออกเดินทางอาจารย์เจนได้นั่งสมาธิได้เห็นภาพมณฑปแต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่จังหวัดใดเมื่อตั้งจิตว่าจังหวัดใด ก็มีเสียงมาบอกอาจารย์เจนให้มุ่งเดินทางไปยังจังหวัด........... ซึ่งทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนั้นค่ะ คณะฯ เดินทางกันตั้งแต่เช้าไปยังจังหวัดเป้าหมายค่ะตลอดเส้นทางอาจารย์เจนก็ใช้สมาธิจิตถามเทวดา ให้ช่วยนำทางไปค่ะและก็ได้เห็นยอดมณฑปตั้งตระหง่านอยู่แต่ไกลซึ่งอาจารย์ก็หวังว่าสิ่งที่เห็นต้องถูกต้องแน่ชัดแล้ว ดังนั้นอาจารย์เจนก็ได้ให้ลูกศิษย์ขับรถเข้าไปตามเส้นทางที่เห็นและในญาณวิถีของอาจารย์เจนเองก็รู้ ได้ว่าต้องเข้าไปในวัดแห่งนี้ค่ะ วัดแห่งนี้ มีศาลามณฑปตั้งอยู่บนเนินเขาสูงบรรยากาศดีมากค่ะ มีลมเย็น ๆพัดมาอ่อน ๆ อากาศไม่ร้อนอย่างที่คิดค่ะ เมื่อเดินไปได้สักพักก็มีบันไดทุกคนก้าวขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังศาลามณฑปที่ตั้งเด่นเป็นสง่านั้นและ มองลงมายังเบื้องล่างก็ได้ชื่นชมไปกับธรรมชาติที่สวยงามมากค่ะเพราะได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสุด ๆ ค่ะ เบื้องล่างนั้นเป็นแปลงทุ่งนาสีเขียวชะอุ่มและตัดขอบด้วยต้นไม้มองดูแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ ค่ะ เมื่อขึ้นไปจนสุดทางก็ได้เข้าไปภายในศาลามณฑปที่มีประตูสีแดง 3 ด้าน ด้านหน้าและด้านข้างเป็น มณฑปขนาดเล็กไม่กว้างขวางมากนักภายในมีรูปปูนปั้นเป็นอดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงว่าท่านเป็น พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่ามีผู้คนมากราบไหว้รูปปั้นของท่านเพราะท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อาจารย์รู้ได้ด้วยญาณวิถีว่าจะสมารถสื่อสารกับท่านได้ค่ะ อาจารย์เจนได้นำคณะฯ สวดอิติปิโสฯ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณหลังจากนั้นอาจารย์เจน ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าหลวงปู่ โดยขอให้ดวงวิญญาณของหลวงปู่เมตตาลูกหลานให้ได้หาวัดที่ มีพระสงฆ์เคร่งในพระธรรมวินัยไม่นอกรีดศาสนาและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและต้องเป็นวัดที่กำลังเดือนร้อน ในการสร้างหรือบูรณะวัตถุทานต่างๆ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาค่ะ สักพักหนึ่งอาจารย์ก็พูดขึ้นว่า แมว ช่วยกันหาแมว จี๊ดก็บอกว่า ไม่มีแมวค่ะอาจารย์แต่อาจารย์ก็บอกว่า อยู่ด้านหลังองค์พระช่วยกันหาแมว มีเสียงบอกให้ช่วยแมวค่ะซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะว่ามีกล่อง กระดาษสีน้ำตาลที่เขาใส่ขวดน้ำมันพืชนั่นแหละค่ะตั้งอยู่ใบหนึ่งมีกระดาษหนังสือพิมพ์กองอยู่เต็มกล่อง แต่เมื่อลื้อกระดาษหนังสือพิมพ์ออกมาก็พบว่ามีลูกแมวสีน้ำตาลตัวเล็กนิดเดียว นอนซมซานอยู่ร่างกายผอมโซ มีอาการหิวโหยตั่วสั่นงันงกน่าสงสารมากค่ะและที่ดวงตาก็ปิดสนิทขี้ตาเต็มไปหมดไม่สามารถจะลืมตา ได้ปากก็ร้องเมี้ยวๆแบบแผ่วเบาไม่มีแรงจะร้องค่ะ ทุกคนก็สงสัยเจ้าแมวน้อยเข้าไปอยู่ในกล่องนั้นได้อย่างไร แต่พอจะวิเคราะห์ได้ว่า คงเป็นเพราะกระดาษหนังสือพิมพ์กองอยู่บนกล่องเจ้าลูกแมวคงกระโดษไปบน กองหนังสือพิมพ์แล้วพลัดตกลงไปในกล่องและหนังสือพิมพ์ทับถมไปพร้อมกับลูกแมวตัวนั้นค่ะ ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันแล้วโดยอาจารย์เจนได้อุ้มลูกแมวตัวนั้นออกมาจากกล่องและก็ทำอะไรกัน ไม่ถูกมีใครสักคนบอกว่าเอาผ้าเปียก อีกคนบอกยาหยอดตา(น้ำตาเทียม) สุดท้ายทำทั้ง 2 อย่าง หยอดตาและเช็ดดวงตาด้วยผ้าเปียกค่ะเรื่องยาหยอดตานี่ขำฮาค่ะเพราะบ่อยครั้งค่ะที่อาจารย์มักจะ นำยาหยอดตานั้นมาหยอดที่ตาของจี๊ดเป็นประจำคืออาจารย์ใช้เป็นประจำก็อยากที่จะมาหยอดที่ตา จี๊ดบ้างและทุกครั้งอาจารย์จะหยอดใส่ตาของจี๊ดแบบไม่เข้าดวงตาจนหน้าเลอะไปด้วยน้ำตาเทียมทั้ง หน้าทุกครั้งค่ะทีนี้แล้วลูกแมวล่ะจริงอย่างที่คิดอาจารย์หยอดตาลูกแมวจนหน้าเลอะเต็มไปด้วยน้ำตาเทียม ขนเปียกลู่เชียวค่ะแต่ได้ผลใช้ผ้าเปียกสักพักแมวก็ลืมตาได้ค่ะ. เมื่อลูกแมวลืมตาได้ก็ได้กินน้ำและ ปลาฟิชโช่ที่มีอยู่ลูกแมวกินเข้าไปมากจนสะอึกเลยค่ะหลังจากนั้นก็ได้พบกับพี่น้องของลูกแมว รวมเป็น 3 ตัวสีเหมือนกันหมดเหมือนฝาแฝดแล้วก็ปล่อยให้อยู่ต่อไปเพราะแม่แมวก็ต้องมาหาลูกอยู่แล้ว สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะอาจารย์เจนว่าอย่างนั้นค่ะ จี๊ดก็สงสัยมากอาจารย์เจนรู้ได้อย่างไรอาจารย์พูดว่ามีเสียงบอกให้ช่วยเหลือแมวก็เลยค้นหาดูค่ะ แต่อาจารย์พูดว่ามีความรู้สึกว่าเรื่องลูกแมวตาเจ็บนี้เป็นปริศนาธรรมอะไรบางอย่างเหมือนจะบอก อะไรเราแต่ยังไม่รู้ได้ในตอนนี้ค่ะ ต่อจากนั้นคณะฯ ก็ได้เดินทางออกจากวัดแห่งนั้นเกือบจะบ่ายแล้วก็ยังไม่ได้วัดที่ใช่เพราะบางวัด ที่เข้าไปส่วนมากไม่ได้ทำการก่อสร้างอะไรและบางวัดก็ดูแล้วไม่เหมาะสมที่จะทำบุญได้ค่ะ ขณะที่รถแล่นผ่านไปตามเส้นทางต่าง ๆอยู่ ๆ อาจารย์ก็พูดขึ้นว่า คุณมิตรขับรถเข้าไปข้างใน ต้องมีอะไรจี๊ดก็ถามว่ามีอะไรค่ะ อาจารย์บอกว่าได้เห็นลำแสงสีทองแว็บว๊าบออกมาจากข้างใน เมื่อขับรถจากปากทางเป็นทางเข้าวัดที่ 1 ค่ะ วัดที่ 1 เมื่อเดินทางเข้าไปในวัดแห่งนี้ทำให้ได้พบกับวิหารปูนสีขาวที่ภายในคานและหน้าต่างทำด้วยไม้ที่ทาสี ด้วยสีแดงภายในมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งทำด้วยศิลาแลงในญาณวิถีของอาจารย์รู้ได้ว่า มีรุกขเทวดารักษาองค์ท่านอยู่และมีอายุหลายร้อยปีค่ะ ซึ่งจากการสำรวจดูพบว่าภายในวิหาร เริ่มทรุดโทรมที่บานหน้าต่างทุกบานมีลวดตาข่ายขึงอยู่รกรุงรังไปหมดค่ะ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณ ต่อมาได้นิมนต์เจ้าอาวาสเพื่อสอบถามความเป็นมาก็ได้รับทราบตรงตามที่อาจารย์เจนบอกเปะเลยค่ะ โดยเจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังว่า วิหารหลังนี้เริ่มสร้างในรัชกาลที่ 4 จนถึงปัจจุบัน ค่ะ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ขุดพบได้มามีอายุนับหลายร้อยปีหรืออาจจะถึง 1,000 ปีก็ว่า ได้ค่ะจากหลักฐานการขุดพบรูปปูนปั้นพระพระพุทธรูปประมาณ 4-5 องค์ ซึ่งทำมาจากหินทราย และไม่ต่างกันกับซุ้มใบเสมาโบราณที่มีความเก่าแก่มากทำด้วยหินทรายด้วยเช่นกันค่ะ โดยหลวงพ่อท่านนำมาตั้งเรียงรายอยู่ที่ด้านหลังพระพุทธรูปองค์ใหญ่พระประธานนี้เพื่อ เป็นอนุสรณ์ลำรึกว่าพระพุทธรูปมีความเก่าโบราณจริงค่ะ ปัญหามูลนก/แมลง ภายในวิหารนี้ทุกเย็นพระสงฆ์จะมาทำวัตรสวดมนต์แต่ก่อนที่จะทำการสวดมนต์ทำวัตรก็ต้องมา ทำความสะอาดก่อนทุกครั้งเพราะนกพิราบมาเกาะหลังคาและชายหลังคาถ่ายมูลเอาไว้พอมูลนกแห้ง ก็เกิดเป็นเศษฝุ่นปลิวเข้าไปในวิหารและรวมถึงพวกแมลงก็จะมาในตอนเย็นๆช่วงทำวัตรเย็นพระสงฆ์ จะสวดมนต์นั่งสมาธิไม่สงบเลยเพราะพวกแมลงเล็ดลอดเขามาทางหน้าต่างค่ะ ซ่อมหน้าต่างป้องกันนก/แมลง สาเหตุที่ไม่ได้ซ่อมแซมหน้าต่างให้ดีเพื่อป้องกันแมลงหรือสิ่งปฏิกูลต่างๆที่จะเข้ามาจากช่องหน้าต่าง ก็เป็นเพราะว่า ทางวัดขาดปัจจัยบูรณะซ่อมแซมโดยท่านมีแผนที่จะทำกระจกที่เปิดปิดได้เพื่อป้องกัน แมลงและมูลนกพิราบรวมทั้งตัวนกพิราบที่เล็ดลอดเข้ามาภายในวิหารด้วยค่ะซึ่งปีที่ผ่านมาหลวงพ่อ ท่านมีความจำเป็นต้องนำเงินที่ได้มาจากกฐินและผ้าป่าฯนำไปใช้จ่ายในการก่อสร้างศาลาสวดศพค่ะ ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีเงินเหลือเพียงพอจึงต้องหยุดพักการทำหน้าต่างไว้ทำอาชั่วคราวก่อนค่ะ ฝ้าเพดานหลุดร่วง ซึ่งในเรื่องการซ่อมแซมหน้าต่างนี้อาจารย์ขอเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าฯซึ่งต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้แจ้งว่า ขณะนี้มีความจำเป็นที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือฝ้าเพดานด้วยสภาพของฝ้าเพดานที่เก่ามากแล้วได้ หลุดล่วงลงมาและทยอยหลุดล่วงลงมาโดยตลอดและสักวันคงโดนศีรษะพระกันด้วยนะจี๊ดว่านะ โดยเฉพาะช่วงที่พระท่านทำวัตรสวดมนต์จะมีเสียงกรุ ๆ กรุ ๆสาเหตุมาจากนกพิราบเริ่มเข้ามาอาศัย ที่ใต้ฝ้าเพดานหลังคาค่ะ และตลอดเวลาพวกนกทั้งหลายก็ก่อให้เกิดเสียงก่อความลำคราญให้แก่ พระสงฆ์ที่เข้ามาสวดมนต์และนั่งสมาธิค่ะ ซึ่งจากที่เห็นจี๊ดก็เข้าใจดีนะค่ะคือไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลังระหว่างหน้าต่างกับฝ้าเพดานแต่หลวงพ่อท่านเห็นว่า ต้องทำฝ้าเป็นอันดับแรกจี๊ดก็เอาใจช่วยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นถ้าเป็นไปได้น่าจะทำได้ทั้งสองอย่างนะค่ะ รอลุ้นให้ผู้บริจาคที่ใจบุญมาช่วยวัดแห่งนี้ด้วยค่ะเพราะว่ายังมีอีกหลายเรื่องเลยนะค่ะที่วัดนี้ ด้วยอาจารย์รู้ในญาณวิถีว่าในอนาคตที่วัดแห่งนี้จะมีผู้คนเข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมากแต่ ต้องถวายพระพุทธบาทจำลองตั้งอยู่ที่ด้านหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ซึ่งพระพุทธบาทจำลองนี้ จะทำการตกแต่งประดับประดาเพชรพลอยด้วยฝีมือให้สวยงามค่ะ เจ้าภาพพลอยนิลติดดวงตาพระพุทธรูป นอกจากนี้ทุกคนได้สังเกตเห็นที่ดวงตาของพระพุทธรูปองค์นี้นัยตาดำไม่มีเม็ดพลอยนิลแต่มีคนเอาสีดำ ไปทาแต้มที่ลูกตาท่านเจ้าอาวาสจึงเล่าให้ฟังว่ามีคนมากมายเหลือเกินที่มาติดต่อกับอาตมาเพื่อขอเป็น เจ้าภาพติดพลอยนิลที่ลูกตาแต่เมื่อตกลงกันแล้วก็ไม่มาตามที่นัดหมายค่ะเมื่อได้รับทราบอย่างนั้นแล้ว อาจารย์ก็ดูด้วยญาณวิถีว่าดวงตาคู่นี้รอคนมาเบิกเนตรนั้นก็คือคณะบุญเสบียงสวรรค์ที่จะเดินทางกันไป ในครั้งนี้ค่ะเนื่องจากสถานที่แห่งนี้ในอดีตชาติพวกเราได้มาทำบุญที่นี่กันแล้วค่ะและครั้งนี้ก็ต้องมาทำบุญร่วมกันอีกค่ะ จากการที่ได้พบว่าดวงตาของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไม่มีพลอยนิลติดที่ดวงตาจึงได้รู้แล้วว่า ปริศนาธรรมเรื่องลูกแมวตาเจ็บนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าปริศนาธรรมนี้ คืออะไรซึ่งก็ได้ปรากฏแล้วว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่มีลูกตาดำค่ะและผู้ที่จะเป็นผู้เบิกเนตร หรือเป็นเจ้าภาพซื้อพลอยนิลมาติดดวงตาพระพุทธรูปก็คือหัวหน้าคณะบุญเสบียงสวรรค์ อาจารย์เจนญาณทิพย์ ที่ได้ไปช่วยเหลือลูกแมวตาเจ็บนั่นเองค่ะ ดังนั้น อาจารย์เจนจึงได้แจ้งแก่ท่านเจ้าอาวาสว่า คณะบุญฯประสงค์จะเป็นเจ้าภาพติดนิลที่ดวงตา ของพระพุทธรูปองค์นี้ค่ะซึ่งเจ้าอาวาสท่านก็อนุโมทนาบุญกับคณะบุญของเราด้วยค่ะ ทาสีองค์พระพุทธรูป ด้วยสีทอง ลีลาวา อาจารย์ได้เห็นพระพุทธรูปที่ทาสีทองของเดิมนั้นเก่ามากแล้วจึงมีความประสงค์จะซื้อสีทองคุณภาพดี ยี่ห้อ ลีลาวา ถวายหลวงพ่อโดยให้หลวงพ่อไปเป็นธุระจ้างช่างฝีมือมาทาสีให้เรียบร้อย สำหรับสี ยี่ห้อ ลีลาวาเป็นสีคุณภาพดีมีความคงทนและรับประกันได้ซึ่งกี่ปีก็ไม่หลุดลอก ซึ่งราคาค่อนข้างแพงราคากระป๋องละ 3,800บาทรวมค่าทินเนอร์ผสมก็ตกประมาณ กระป๋องละ 4,000 กว่าบาทปริมาณที่สีที่ใช้ทาทั้งองค์ประมาณ 5 – 6 กระป๋อง เป็นเงินประมาณ 20,000 – 24,000 บาทจึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากพอสมควรค่ะ ทั้งนี้ อาจารย์เจน จะได้นำทุกท่านอธิษฐานจิตห่มผ้าพระพุทธรูปพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเนื่องจากเมื่อองค์ท่านทาสีสวยงามแล้วก็ควรจะห่มผ้าให้สวยงามยิ่งขึ้นค่ะ วัดที่ 2 อาจารย์ได้อธิษฐานจิตขอให้พบเจอพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่วัดที่มีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งก็ได้พบกับวัดแห่งหนึ่งบริเวณโดยรอบวัดช่างมีความเป็นธรรมชาติมากค่ะเมื่อเข้าไปแล้วมี ความรู้สึกอบอุ่นรู้สึกมีความสุขที่มีธรรมชาติโดยรอบเป็นต้นไม้ใบเขียวนะค่ะคณะของเราได้เข้าไป ภายในวิหารก็ได้พบกับเจ้าอาวาสท่านมาต้อนรับโดยสอบถามว่ามาจากไหนกันอาจารย์เจนก็ ตอบกลับไปว่ามาจากกรุงเทพฯ และต้องการจะนำพาผู้คนมาทำบุญและไม่ทราบว่าที่วัดนี้มี การก่อสร้างอะไรบ้าง เจ้าอาวาสท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีการก่อสร้างกุฎิสงฆ์ให้กับพระสงฆ์ที่ เป็นแขกอาคันตุกะเพราะส่วนมากที่วัดจะจัดงานสวดมนต์บ่อยครั้งเป็นงานพิธีต่าง ๆพระสงฆ์จาก ที่อื่นไม่มีที่พักก็จะได้อำนวยความสะดวกแก่พระสงฆ์ที่มาเยือนค่ะส่วนเงินนั้นเมื่อมีก็สร้าง ต่อไม่มีก็หยุดพักไว้ก่อนค่ะก่อสร้างไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆทำไปค่ะ ดังนั้นอาจารย์เจนจึงได้ขอ เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ค่ะ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พูดได้ ขณะที่พูดคุยอยู่กับเจ้าอาวาสทุกคนก็สังเกตเห็นว่าพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่หน้าตักประมาณ 80 นิ้ว ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มีรุกขเทวดารักษาและที่สำคัญท่านพูดได้ด้วยค่ะอาจารย์เห็นว่าเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่เป็นที่น่าแปลกใจมากค่ะเพราะที่เศรียรของท่านมีความแปลกมากค่ะ ตอนแรกจี๊ดก็คิดว่าตัวเองมองผิดไป แต่อาจารย์เจนก็มองเหมือนกัน ความผิดแปลกก็คือศีรษะท่านเอนเอียงไปทางซ้ายมือของจี๊ด (ถ้าหันหน้าตรงข้ามกับองค์ท่าน) ด้วยความสงสัยจึงได้สอบถามว่าพวกเรามองไม่ผิดใช่หรือไม่ ศีรษะท่านแปลกมาก ซึ่งหลวงพ่อท่านก็พูดว่าไม่ผิดหรอกจากที่พระพุทธรูปเก่าโบราณ อายุประมาณ 600-700 ปี เดิมวัดนี้เป็นวัดร้างแล้วมาเป็นสำนักสงฆ์ ปี 2505 และต่อมา ปี 2530 จึงได้เป็นวัดจนถึงทุกวันนี้ค่ะ สำหรับส่วนของศีรษะนั้นสมัยก่อนยุคโบราณพวกพม่าเข้ามาตีตามหัวเมืองและได้ตัดเศรียรพระพุทธรูป ถึงแม้นว่าจะจ้างช่างจากที่แห่งใดให้มามาซ่อมหรือทำเศียรใหม่แล้วแต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จค่ะ ทอดผ้าป่าร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ โดยอาจารย์เจน จะเป็นนำพาทุกท่านไปร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ซึ่งในการนี้คณะบุญ ของเราก็จะได้ตั้งจิตร่วมกันถวายผ้าห่มพระพุทธรูปค่ะ วัดที่ 3 วัดแห่งที่ 3 นี้ก็ไม่แพ้วัดอื่นเลยนะค่ะเพราะมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ไม่แพ้ใครค่ะซึ่งชาวบ้านในเขตจังหวัดนั้นได้ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากค่ะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ ท่านก็มีรุกขเทวดารักษาด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งในแต่ละวัดที่อาจารย์เจนจะได้นำพาทุกท่านไปทำบุญกันนี้ รวม 3 วัด ทุกวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดค่ะ นอกจากนี้ยังมีประวัติความเป็นมานับร้อยปีซึ่งอาจารย์ก็จะได้นำทุกท่านกราบสักการะบูชาด้วยค่ะ กิจกรรมทำบุญ รวม 3 วัด ดังนี้ การรับบริจาค - กองทุนละ 2,000 บาท - ตามกำลังศรัทธา จี๊ดขอเป็นตัวแทนอาจารย์เจนโดยขอเชิญชวนทุกท่านผู้มีจิตศรัทธาในบุญกุศลได้ร่วมบุญกับ คณะบุญเสบียงสวรรค์อาจารย์เจน ญาณทิพย์ ครั้งที่ 67 ตอน “รอยธรรม สามวิหารศักดิ์สิทธิ์” ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2562 และขออนุโมทนาบุญกับทุกทก่านด้วยค่ะ สาธุ
จี๊ดจ๊าด
|