เรื่องเดินทางไปสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ (26 ส.ค.57) การจัดงานวันแม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.57 ที่ผ่านมา อ.เจนและทีมงานมีความสุขมากค่ะ ที่ได้เห็นทุกคนมีความสุขแต่เบื้องหลังจากความสุขนั้น ป่วยกันทั้งคณะ ไม่ยกเว้นแม้แต่ อ.เจน ค่ะ ทุกคนสะบักสะบอมกันมากกับการเจ็บป่วยกันมาทั้งอาทิตย์ก่อนหน้าวันงานนั้นค่ะ(เรื่องนี้ต้องไปเล่าในเรื่องงานวันแม่ค่ะอุบไว้ก่อนค่ะ)
เจ็บป่วยกันหมด เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่ อ.เจน และคุณรุ้ง เจ็บป่วยไม่สบายมีอากาศไออย่างรุนแรงเจ็บปวดตามร่างกาย ก่อนถึงงานวันแม่ 2 อาทิตย์ ถึงแม้จะป่วย อ.เจน และคุณรุ้ง ก็ยังต้องไปหาซื้อ หินแกรนิต หินกาบกระเบื้อง เครื่องครัว จิปาถะ ที่จะต้องหาซื้อมาให้ทันกับช่างก่อสร้างที่ดำเนินการก่อสร้างเรือนรับรองของสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณที่จ.เพชรบูรณ์ ค่ะ การเจ็บป่วยไม่สบายครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใคร ที่ไหนที่เป็นตัวการแพร่เชื้อเขาคือ ตาลุงภุชงค์ เขาป่วยมาก่อนหน้านี้ไม่หายสงสัยเชื้อของเก่าเข้าร่างอย่างรุนแรงค่ะ คุณหมอ(พี่ชาย)ท่านมีเมตตาอุตส่าห์เดินทางมาถึงบ้าน อ.เจน เพื่อมาฉีดยาให้คุณภุชงค์ที่บ้านดิฉันหัวเราะเขาค่ะ วันรุ่งขึ้นป่วยทันทีกรรมทันตา แค่เขาจามครั้งเดียว อ.เจน คุณรุ้ง และดิฉันป่วยพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 3 คน ต่อมาคุณหมอน้องชายทราบเรื่องก็เชิญให้ไปฉีดยาที่บ้าน อ.เจนคุณรุ้ง และดิฉัน โดนทุกคน โดนฉีดยาที่ก้นคะ ดิฉันก้นซ้ายค่ะ แล้วก็ไม่มีใครจะยอมหายป่วยค่ะดิฉันตัวสั่นเป็นสันนิบาติลูกนกที่ไม่หายเพราะไม่มีผู้ใดยอมพักผ่อนกันเลยนอนกันประมาณ 2 ยาม ตี 1 แทบทุกวันกลางวันไปทำงาน กลางคืนมาช่วยงานบุญที่บ้าน อ.เจน ค่ะ พวกเราเป็นมนุษย์หุ่นยนต์แบบไม่ใช้น้ำมันค่ะอยู่ได้ด้วยบุญไงค่ะ เมื่อไม่หายป่วยคุณหมอพี่ชายก็มาฉีดยาให้ที่บ้าน อ.เจนครั้งนี้ ดิฉันขอเปลี่ยนเป็นก้นด้านขวาค่ะ ทุกคนทำเหมือนกันหมดค่ะข้างที่โดนแล้วเราไม่ซ้ำค่ะมันระบมมากอะค่ะ สรุประบมไปทั้งสองข้างก้น รวมกับยาห่อใหญ่ที่ทุกคนต้องกินค่ะ แม้ว่า จะเจ็บป่วย อ.เจน กับ คุณรุ้ง ก็ลากสังขารไปหาซื้อข้าวของที่ดิฉันได้บอกเล่าไว้ตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะโดยลากเอาตัวคุณมิตร ที่ก็เจ็บป่วยไม่แพ้กัน ไปช่วยขับรถและไปเป็นเพื่อนกันเพื่อไปหาซื้อข้าวของตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็ยังได้สิ่งของไม่ครบไปกันหลายแห่งค่ะ เรือนรับรอง (สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และพระพุทธญาณเมตตาประทานพร) เรือนหลังนี้ในช่วงแรกใช้เป็นเรือนรับรองสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และพระพุทธญาณเมตตาประทานพร ไปก่อนเมื่อได้เงินทำการก่อสร้างเรือนรับรองที่แท้จริงแล้วจึงจะอัญเชิญท่านไปประดิษฐานให้ถูกต้องต่อไป ดังนั้น เรือนหลังนี้ยังใช้เป็นที่รับรองและที่พำนักปฏิบัติธรรมในช่วงแรกด้วยค่ะ ขณะนี้ ก่อสร้างพื้นซีเมนต์กำแพง และวาวโครงหลังคาเรียบร้อยแล้ว จึงขาดการวางพื้นปูกระเบื้อง ฉาบ ติดหน้าต่างและ ประตู ทางเลือกที่ต้องตัดสินใจ ปัญหาอยู่ที่ประตู นี่แหละค่ะ อ.เจนและคุณรุ้ง ก็ต้องการประตูที่เป็นไม้สัก ที่คงทนแข็งแรง ทนทานต่อปลวกเพราะไม่อยากได้ไม้เนื้ออ่อนให้เป็นอาหารของปลวกมากัดกินค่ะที่นั่นอากาศชื้น เหมาะกับพวกบรรดาปลวกเป็นอย่างมากค่ะ ดังนั้น จึงเดินทางไป จ.สุพรรณบุรี เพราะได้สอบราคาแล้วร้านนี้ราคาถูกกว่าร้านอื่น ๆแต่เมื่อไปถึงแล้วก็ต้องมาคำนวณราคาที่พอจะหาซื้อได้ในวงเงินที่จำกัด ซึ่งจะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดเงินบริจาคของทุกท่านต้องใช้ให้คุ้มค่าและจำเป็นที่สุดค่ะ
เมื่อได้ประตูไม้สักด้านหน้าเรือนรับรองแล้ว ก็พอมีเงินจากผู้บริจาคท่านหนึ่งขอเป็นเจ้าภาพประตูห้องน้ำจึงสอบถามร้านทำประตูให้แนะนำไม้เนื้อแข็งที่มีคุณภาพความแข็งเทียบเคียงกับไม้สักปลวกไม่กินและมีเงินพอจำกัดต้องการไม้ราคาถูกด้วย ซึ่งเจ้าของร้านก็แสนจะดีได้แนะนำไม้ 2 ชนิด ถ้าคุณเป็น อ.เจนจะเลือกไม้อะไรดีเอ่ย งั้นเรามาเลือกกันดีกว่า จะเลือกอะไรดี ระหว่าง 1. ไม้ตะเคียน (ส่วนมากเจ้าแม่ตะเคียนชอบสิงสู่) 2. ไม้จำปา (ส่วนมากมาจากฝาโลงจำปาที่มีวิญญาณติดมาด้วย) ก็ที่บ้าน อ.เจน มีเตียงไม้จำปาแบบเนี้ยใครไปนอนเป็นได้เรื่องมักจะถูกลากลงมาจากเตียงเสมอ ต่อมาจึงใช้วางพระพุทธรูปแทนจึงอยู่กันได้ค่ะ
มาทายกันซิค่ะ อ.เจน เลือก เบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ตัดสินใจ..ยากจังค่ะ ...ติ๊ก..ต๊อก...ๆๆๆ หมดเวลา อ.เจน เลือก เบอร์ 1 เลือกไม้ตะเคียน อ.เจน ให้เหตุผลว่า ไม่เป็นไรหรอกพี่ผีตะเคียนก็ยังดูดีมีสกุลกว่าผีไม้โลงจำปา เออ ดิฉันก็เห็นว่าเป็นจริงตามนั้น ก็อยู่ ๆ กันไปค่ะ แต่สำหรับดิฉันคงต้องนั่งทำธุระในห้องน้ำแบบว่านั่งคอห่านไปจ้องประตูไปเป็นแน่ค่ะ ถ้าเจ้าแม่ตะเคียนออกมาจากประตู ดิฉันวางแผนว่าคงต้องใช้หลังพิงข้างฝาตั้งหลักก่อน เพราะถ้าวิ่งไปข้างหน้าก็ประตูที่เจ้าแม่ตะเคียนยืนคอยอยู่ สู้ตั้งหลักแล้วตะโกนให้คนมาช่วยดีกว่าค่ะซึ่งดิฉันก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้บริจาคทุกท่านค่ะ
ข้าวของที่ต้องขนกันไป วันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.57 วันทัวร์บุญวันแม่ เราทุกคนก็ยังป่วยอยู่ เย็นวันจันทร์ที่ 25ส.ค.57 จะต้องช่วยกันขนของมากองเตรียมไว้วันรุ่งขึ้นเพื่อขนข้าวของต่าง ๆ ไป จ.เพชรบูรณ์ ทีมงานทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยจากวันงานที่ผ่านมาคาดว่าจะได้พักสักวันหนึ่งแต่ก็ต้องมีภารกิจด่วนในค่ำคืนวันจันทร์ ซึ่งก็มีคุณภุชงค์ คุณสุดารัตน์ คุณดา อาเฮียคุณเป็ก น้องเชน น้องเก่ง คุณเต้ย คุณมิตรยกเว้น ดิฉัน ที่ไปไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ป่วยเดินสั่นเป็นเจ้าเข้า ตัวสั่นไม่มีแรงค่ะ ชีวิตนี้ที่ต้องเลือกค่ะถ้าไปคืนนี้ วันพรุ่งนี้คงตายอย่างเขียดค่ะ จึงตัดสินใจโทรไปแจ้งคุณรุ้ง พี่ขอไปพรุ่งนี้นะค่ะตี 5 เจอกันค่ะ กลับบ้านไปนอน นอนเลยค่ะ นอนเป็นตาย นอนโดยไม่กินยาเพราะกินไปหมดถุงแล้ว วันที่ไปกรกะโดดโลดเต้นนั้นอะป่วยตาลาย แต่พยายามฝืนยืนให้อยู่ค่ะเพื่องานบุญของอ.เจน ให้สำเร็จ ส่วน อ.เจน อะน่ะน้ำมูกไหล เป็นไข้ คุณรุ้ง ปวดทั้งตัวตาแดง ดิฉันก็อาการอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะน้อง ๆ ที่ทำงานก็บ่นว่าไม่เจียมตัวเอาตัวเองไม่รอดไปช่วยใครเขาแต่ดิฉันเชื่อในบุญค่ะจึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงเขาไปอย่างที่ใจคิดค่ะ เช้าวันอังคารที่ 26 ส.ค.57 ตื่นแต่ตี 4.30 น. ค่อย ๆเดินไปแต่งตัวอย่างคนที่มีความเข็มแข็งเพื่อหลอกสายตาคนทางบ้านแท้จริงแล้วใจมันไปแล้วว่าจะไปช่วยอาจารย์ ต้องทรงตัวไปให้ได้ ตี 5 ถึงจุดนัดพบวัดบางพลัดรถบรรทุก 10 ล้อมาแล้ว ทีมจัดการ คุณรุ้ง ทีมขนก็มี อ.เจน น้องเบิร์ด คุณดา อาเฮีย คุณเป็ก น้องเชน น้องเก่ง คุณเต้ย คุณมิตร มาก่อนดิฉันอีก ทุกคนเห็นว่าดิฉันคงไม่รอดจึงให้เป็นคนส่องไฟฉาย แต่สุดท้ายดิฉันก็ต้องช่วยค่ะ เพราะข้าวของกองมหาศาลเชียวค่ะขนกันหลายรถปิ๊กอัพค่ะ ใช้รถเล็กขนหลายเที่ยวค่ะ กว่าจะขนเสร็จ ผู้กล้าท้าไฟ รถบรรทุก 10 ล้อ สูงมาก จึงส่งผู้กล้า น้องเก่งปีนขึ้นไปเอาผ้าจับเหนี่ยวสายไฟฟ้าแรงสูงให้พ้นหลังคารถบรรทุก กว่าจะขนเสร็จก็สายพอดีทำให้เลยเวลารถบรรทุกวิ่ง ทำไงดีล่ะ ตำรวจจับแน่
ขอเทวดาช่วยบังตาตำรวจ เราต้องรีบเดินทางกันแล้วทุกคนต้องแยกย้ายกันไปแล้วค่ะ ดิฉัน คุณสุดารัตน์ คุณดา น้องเบริ์ด อาเฮีย ลางานไปค่ะส่วน คุณมิตร ลาลูกน้องตัวเองไปค่ะ นอกนั้นต้องกลับไปทำงาน สงสารน้องเก่งอยากไปช่วยอุตส่าห์โทรไปลางานแล้วเจ้านายไม่อนุญาต จึงต้องกลับไปทำงานค่ะ คือ พวกเราจะไปยกกระเบื้องหนักเหมือนหินอะค่ะ ขอบอกหนักมาก ๆ ค่ะ การเดินทางให้ผ่านพ้นตำรวจเราก็ต้องวางแผนการกันแล้วรถบรรทุกขับผิดเวลาไม่ได้ ขณะนั้น เวลาประมาณ 7.30 น. เยี่ยงนี้ไม่พ้นสายตาตำรวจแน่ คิดกันแล้ว อย่างนี้ดีกว่า อ.เจน ขับรถนำทาง รถบรรทุกอยู่ตรงกลางรถคุณมิตรขับตามหลังรถบรรทุก สำหรับ อ.เจนใช้วิชาอะไรดิฉันไม่รู้ ส่วนดิฉันขอให้เทวดาช่วยบังตาตำรวจด้วยเถิดเจ้าประคูณน้องเบิร์ดกับคุณมิตร ก็สวดมนต์ตามหลังขออย่าให้ตำรวจหันมาเห็น เพราะถ้ารถผ่านเข้าเขตเมืองนนทบุรีได้ก็รอด แต่กว่าจะรอดมีรถชนกันขวางถนนอยู่รถขับผ่านได้เลนเดียว ทำไงล่ะตำรวจยืนอยู่กลางถนน ดิฉันอธิษฐานขอเทวดาตลอดขออย่าให้ตำรวจสนใจรถเราเลย แลก็แปลกตำรวจยืนหน้าหันหลังไม่ได้เห็นรถบรรทุกของเราเลยเมื่อรอดมาได้ก็ผ่าน สน.ตลิ่งชัน อีก อุ่ยเครียดเลย สักพัก ก็สามารถผ่านเข้าเขต จ.นนทบุรีได้ เหมือนหนังเลยค่ะ เคยดูมั้ยค่ะลุ้นน่าดูกว่าจะข้ามเขตแดนได้โอ้ยเหนื่อยค่ะ
กระเบื้องที่ร้านค้า รถบรรทุกไปถึงร้านค้ากระเบื้อง ต้องรอตรวจสอบแผ่นกระเบื้องที่อ.เจน ไปสั่งเอาไว้เมื่อวันก่อนกว่าจะได้กระเบื้องมาได้รอไปอีก 2 ชม. กว่า ระหว่างที่รอคอยนั้นอ.เจน กับคุณรุ้ง ก็ต้องวิ่งรอกไปธนาคารเพื่อโอนเงินจิปาถะ และก็กลับมาที่ร้านกระเบื้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ ฟังเรื่องราวแล้วอย่าเหนื่อยนะค่ะมีเหนื่อยกว่านี้อีกค่ะ
ตะปู กับ ล้อรถยนต์ อ.เจน สังเกตเห็นรถคุณมิตร ยางแบน จึงให้ไปเติมลมยางที่ปั๊มน้ำมันแต่ในระหว่างเติมลมยางก็พบว่ามีตะปูตัวใหญ่เบ้อเริ่มเจาะติดอยู่ที่ล้อยางรถคุณมิตรเดชะบุญจริง ๆ ถ้าขับต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยากจะคิดค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเอาไว้แท้ๆ ไม่มีใครเห็นตะปูตัวเขื่องนี้เลยค่ะ
การเดินทางที่ยาวไกลและสายฝน ตลอดการเดินทางมีฝนบ้างหยุดบ้างเป็นระยะ ๆเมื่อไปถึงสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ ประมาณ 5.30 น. อากาศเย็นมาก มีลมพัดกรรโชกแรงและหนาวค่ะ การก่อสร้างเรือนรับรองมีความคืบหน้าไปมาก อ.เจน และคุณรุ้ง ได้วางแผนการวางประตูและการปูกระเบื้องให้ช่างได้เข้าใจค่ะ
ผู้หญิง กับ กระเบื้อง ถึงเวลาสนุกแล้วสิๆ เราต้องเร่งขนย้ายกระเบื้องที่แสนจะหนักทั้งหมดนี้ให้เร็วที่สุดเพราะว่าเริ่มเย็นมากแล้ว และเราก็ไม่ได้ค้างคืนด้วย ภารกิจเสร็จก็ต้องกลับทันที ดังนั้น จึงต้องช่วยกันขนอย่างเต็มกำลังค่ะที่แย่ที่สุด ก็คือกำลังแรงของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และผู้ชายก็มีน้อยเสียด้วยแถมยังจะป่วยอีกจบกัน ค่ะ อย่างคุณมิตร ป่วยแต่ใจสู้ค่ะ ส่วนเฮียก็ต้องใส่เสื้อเกราะป้องกันหลังเดาะ พวกที่มาช่วยขนก็เป็นผู้หญิง อ.เจน แข็งแรงกวาเพื่อนเพราะเริ่มหายจากป่วยแล้วค่ะคุณรุ้งยังแย่ ๆ อยู่ ก็ไปคุมช่างก่อสร้าง ส่วนตัวดิฉันก็เหงื่อกรานแตกพลั๊ก ๆ แทบจะหายป่วยเลยค่ะ สรุป หายป่วยแต่มือแดงเถือกเลยค่ะ น้องเบิร์ด เหงื่อท่วมตัวอย่างกับอาบน้ำมาเลยค่ะเราต้องจับกันเป็นคู่ ๆ เพราะกระเบื้องแต่ละชุดหนัก 30-40 กก. (ชุดหนึ่ง 6 แผ่นใหญ่)
เราต้องช่วยกันยกแผ่นกระเบื้อง แม้ว่าจะหลายเที่ยวก็ต้องยอมเหนื่อยกันเพื่อบุญกัดฟันสู้ค่ะผู้ชายคอยส่งให้พวกผู้หญิงแบกและขนค่ะ พวกคนงานหญิง 3 คน ก็มาช่วยขน เป็น 10 ๆรอบค่ะระหว่างเดินก็ต้องระวังพื้นดินด้วยเพราะที่พื้นดินนั้นเป็นดินโคลนที่เละเทะมากค่ะคนที่เท้าจมลงไปในโคลน คือ อ.เจน และน้องเบิร์ด อย่างเละค่ะ
ผัดกระเพราหมู+ไข่ดาว ข้าวกล่อง+น้ำดื่มอ.เจน ไปซื้อหามาให้กินกันเมนูจากร้านแม่ละเมียด หากพ้นจากร้านนี้ไปแล้วไม่มีอีกแล้วค่ะอาหารเมื่อเสร็จแล้วก็ต้องออกเดินทางกลับ ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ต้องรีบกลับเพราะวันพรุ่งนี้ต้องไปทำงานกันค่ะ
ชีวิตเฉียดตาย เวลานั้นก็ประมาณ5 ทุ่มแล้ว ขากลับเฮีย ขับรถคุณมิตร เพราะคุณมิตร เขาปิดสวิทตัวเอง ประมาณเวลา 6 โมงเย็นเขาพร้อมปิดสวิทตัวเองและหลับไปได้เองค่ะ ดังนั้น จึงเกิดความเสี่ยงแก่คณะเดินทางเป็นอย่างมากจึงลงมติเป็นเอกฉันท์มอบหมายให้เฮีย เป็นคนขับคุณมิตร ส่วน อ.เจนก็ขับรถตัวเองขับตาม ๆ กันไปค่ะ เมื่อคณะเดินทางกันไปสักระยะหนึ่งปรากฏว่า เฮีย ไม่เห็นเกาะกลางถนน แต่หักหลบได้ทันท่วงที ระหว่างนั้น อ.เจนขับตามอยู่เบื้องหลัง มีเสียงเตือน อ.เจน ว่าให้ระวัง แล้วทันใดนั้นเอง อ.เจนก็หมุนพวงมาลัยหักหลบรถคุณมิตร ซ้าย ขวา และซ้าย ล้อรถยกลอยขึ้นและแตะพื้นเสียงดังสนั่น จังหวะเอง เสี้ยวยาแดงผ่าแปดจริง ๆ ค่ะ ชีวิตเฉียดตาย
ขณะที่เรามีชีวิตที่เฉียดตาย .....คุณคิดถึงอะไร....บ้าง ตอนนั้นดิฉันกลัวว่า อ.เจน กับคุณรุ้ง จะเป็นอะไรมั้ยมีสติดีค่ะเป็นห่วง ภาพเหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากค่ะ แต่สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่าถ้าจะต้องมาตายในครั้งนี้ก็พร้อมค่ะ ดิฉันแปลกใจมากที่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น ตกใจ ใจสั่นอกขวัญหาย แต่กลับสงสัยและแปลกใจตนเองว่า ทำไม ๆ ถึงไม่ตกใจกลัว กับความตายที่รออยู่เบื้องหน้าอาจารย์ได้เฉลยว่า เป็นเพราะ พวกเรานั้นได้ หมั่นฝึกสติจนแข็งแกร่ง จึงมีจิตนิ่งและสามารถจดจำภาพเหตุการณ์ได้หมดทุกขั้นตอนค่ะ ตั้งแต่รถคันหน้าวิ่งอย่างไรและรถคนที่เรานั่งปัดแก่วงไปในทิศทางใดบ้าง มองเป็นธรรมดามากค่ะ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือ อาจารย์บอกว่าถ้าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือในครั้งนี้ ก็คงไม่รู้ว่า จะได้มีสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณหรือไม่ทุกอย่างคงจบไปด้วยกันแล้วค่ะ เพราะทุกอย่างเพิ่งจะเริ่ม ยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง แล้วใครจะสานต่อกันเล่าค่ะ ซึ่ง อ.เจน เล่าว่า ในขณะนั้นเหมือนกับว่า มีสิ่งที่มองไม่เห็นมาช่วยจับที่มือและมาช่วยหักพวกมาลัยรถ ให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุในคืนนั้นทั่วทั้งถนนมีเพียงรถ อ.เจน และรถคุณมิตร เพียง 2 คัน เท่านั้น ค่ะ
วิญญาณหญิงถูกฆ่ายัดกระสอบมาสำแดงเหตุ หลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งก็เกือบจะมีอุบัติเหตุจากรถของคุณมิตรอีกครั้งโดยรถเกือบจะไถลไปชนป้ายบอกทาง ทั้ง ๆ ที่ ทั้งถนนก็มีกันอยู่แค่ 2 คันเท่านั้น แต่โชคดีที่เฮียหักหลบได้ทันดิฉันเห็นว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกและไม่ธรรมดาเสียแล้ว จึงได้บอกกับ อ.เจน ว่าอาจารย์ช่วยดูด้วยญาณ(ดูขณะขบรถ) สิค่ะว่าในรถคุณมิตร มีเหตุอันใดกันแน่ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทันใดนั้น อ.เจน ก็หันมาบอกว่า ไม่ได้การแล้ว จึงบอกให้ดิฉันโทรไปบอกรถคันหน้าว่าให้แวะปั๊มน้ำมันทันทีค่ะ
อ.เจน หันมาบอกกับดิฉันว่า วิญญาณของผู้หญิงที่ถูกฆ่าข่มขืนแล้วยัดกระสอบได้ถูกนำศพมาทิ้งไว้ใกล้ ๆ กับที่ดินสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ (ตายมาแล้วประมาณ10 ปี) เธอได้ติดตามมาจากที่สำนักฯ และอยู่ในรถคุณมิตร จำเป็นต้องให้จอดรถ เพื่อเจรจากัน
ก็แค่อยากได้บุญ เมื่อ อ.เจน และคุณรุ้ง ได้เข้าไปในรถสักพักใหญ่ก็เดินกลับมาบอกว่าเธอไปแล้ว ซึ่ง อ.เจน ก็ได้สั่งสอนว่าไม่ควรทำแบบนี้เลย ถ้าเกิดอุบัติเหตุก็จะเป็นโทษเป็นกรรมกันต่อภพชาติไปอีกเธอผู้นี้เข้าใจแล้ว แต่ก็ได้บอกว่า “ก็แค่อยากได้บุญเท่านั้นเอง” ค่ะ วิญญาณส่วนมากมักจะพูดอยู่อย่างนี้ดังนั้น ทุกท่านก็นำเรื่องนี้ไปคิดตรึกตรองเอาไว้เลยว่า ไฉนเลยเมื่อครั้งเรายังมีชีวิตอยู่จึงไม่คิดกอบโกยบุญสะสมบุญเอาไว้เล่าเมื่อครั้นตายไปไม่มีบุญหนุนนำก็ไปเที่ยวขอบุญจากคนอื่นเขา เขาก็ไม่รับรู้ไม่ได้ยินเสียง มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ
แบกของหนักแต่ไม่ปวดเมื่อย ด้วยบุญหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ ดิฉันได้ถามทุกคนที่ไปแบกหามกันวันนั้นไม่มีใครปวดเมื่อยร่างกายแต่อย่างใดค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่าหากเราทำสิ่งใดที่เป็นความดีด้วยใจและศรัทธาด้วยแล้วเราก็จะไม่เป็นอะไรที่หนักหนาค่ะ อ.เจน มักจะพูดกับดิฉันเสมอว่า พี่นี่อยู่ได้ด้วยบุญค่ะ และดิฉันก็เชื่อว่า ดิฉันอยู่ได้ด้วยบุญจริง ๆ อย่างที่ อ.เจน พูดค่ะ
ทุกอย่างผ่านพ้น ดิฉันเชื่อที่ อ.เจน มักพูดเสมอว่าขอให้เชื่อว่า บุญนั้นมีจริง และเชื่อในการทำความดี เทพเทวาก็มาอารักษ์ผู้ที่ทำความดีเองค่ะ คณะเดินทางกลับถึงบ้านประมาณ ตีหนึ่ง กว่าๆ เองค่ะ |