อาจารย์เจน.com

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
เจ้าของ: เจนญาณทิพย์
พิมพ์หน้านี้ ก่อนหน้า ถัดไป

ภาพงานวันแถลงข่าวและเปิดตัว หนังสือ "เรื่องลี้ลับที่อยากเล่า" โดยอาจารย์เจน ญาณทิพย์

[คัดลอกลิงก์]

77

กระทู้

516

โพสต์

2หมื่น

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
26512
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จี๊ดจ๊าด เมื่อ 2014-9-24 20:55

เปิดขุมนรก
ทำไมถึง ชื่อว่า เปิดขุมนรกเริ่มเลยนะค่ะ



เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11กันยายน 2557  วันที่ตึก World Trade ถล่มซึ่งเป็นวันที่ อ.เจน ญาณทิพย์ เปิดตัวหนังสือ เล่มที่ 4 ชื่อ เรื่องลี้ลับที่อยากเล่า ของอ.เจน ญาณทิพย์  แม้ผู้คนไม่มากนักเพราะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดงานแต่นักข่าวและสื่อมวลชนมากมายประมาณ20 แหล่งข่าว ดิฉันจำได้ว่าหนังสือนิตยสารแพรว มาขอถ่ายรูปกับพวกผีเปรตทั้งหลายรวมทั้งสื่อมวลชนต่าง ๆ ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับงานนี้ค่ะ รวมทั้งท่านเจ้าของบริษัทหนังสืออมรินทร์...ซี่งเป็นบริษัทผู้ผลิตหนังสือของ อ.เจน  ท่านก็มาร่วมเป็นเกียรติภายในงานด้วยค่ะ โดยมีดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง  โดยมีคุณ ชลิตา เฟื่องอารมณ์ (คุณแนน)  เป็นพิธีกร และคุณภรัญูยู (แทค) เป็นแขกรับเชิญ โดยคุณแทคได้เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ผีผีที่มีประสบการณ์เป็นพิธีกรรายการคนอวดผีมาเล่าเรื่องหลอน ๆ ให้กับผู้ชมได้รับฟังคุณแทค เล่าว่าในครั้งแรกไม่เคยเชื่อว่าวิญญาณมีจริงจึงทำการทดสอบหลายอย่างจนต้องเชื่อและได้โดนกับตนเองจนต้องกับต้องวิ่งหนีออกมาจากกองถ่ายหลายครั้งก็ยังมีค่ะจนทุกวันนี้ต้องยอมรับพี่สาวคนนี้ที่ชื่อว่า อ.เจน ญาณทิพย์



จำได้ว่าผู้คนที่มาภายในงานก็นั่งฟังกันอ้าปากหวอ พร้อมกับเสียงหัวเราะระคนกันและที่ประทับใจมากที่สุดก็ตรงที่เจ้าของบริษัทหนังสืออุตส่าห์มาชมงานและพูดคุยกับอ.เจน ตลอดงานและที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือเจาของบริษัทหนังสือเขาชื่นชมการแสดงชุดเปิดขุมนรก เป็นอย่างมากค่ะ ก่อนที่จะเปิดงาน พิธีกร ถามว่าการแสดงที่แจ้งไว้ชื่ออะไรค่ะ ทั้ง อ.เจน และคุณรุ้งก็ลืมคิดไปว่าต้องมีชื่อเรื่องด้วย รู้อย่างเดียวว่าจะมาแสดงเปรตกัน อ.เจนคิดไม่ออกจึงพูดไปว่า อ๋อ ค่ะ เปิดขุมนรก ค่ะ
เปิดงานด้วยการแสดง ที่ชื่อว่า เปิดขุมนรกในการแสดงชุดนี้ เป็นความคิดของ อ.เจน ที่คิดว่าในหนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวของโลกหลังความตาย ตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะเป็นอย่างไรคนที่ทำชั่ว เมื่อตายแล้วไปไหน และ อ.เจน บอกว่า อยากให้การแสดงชุดนี้สามารถที่จะช่วยให้ผู้ชมการแสดงได้แง่คิดและไม่คิดทำความผิดที่เป็นกรรมชั่วอีกต่อไป เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือเล่มนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าโลกหลังความตายนั้นมีจริง โดยมุ่งหวังให้ท่านผู้อ่านได้รับสาระน่ารู้ในสิ่งที่ท่านไม่เคยรู้มาก่อน และได้ประโยชน์จากการอ่านไม่มากก็น้อยค่ะ



งานเปิดตัวหนังสือ อ.เจน และคุณรุ้งก็พยายามคิดว่าจะแสดงอะไรที่จะสามารถสื่อเรื่องของโลกหลังความตาย และก็คิดได้ว่าคนที่ตายไปส่วนมากไปเป็นเปรตกันเสียส่วนใหญ่ เพราะผู้คนมักจะทำผิดศีลธรรมค่ะ  ซึ่งคุณรุ้ง ผู้มีความคิดเป็นเลิศในตองอู  ก็เสนอว่า ต้องเป็นการแสดงที่เกี่ยวกับเปรต จะได้เข้ากับเรื่องที่อ.เจน เขียนในหนังสือ  ดังนั้น คุณรุ้งก็ได้คัดเลือกเพลงเปรตวัดสุทัศ และกำหนดตัวนักแสดงทันทีโดยไม่รอช้าและไม่คิดมากด้วยค่ะว่านักแสดงจะ OK ปะ คุณรุ้งพูดให้กำลังใจว่า รู้ว่าทุกคนทำได้ค่ะ  มีดิฉันที่รู้คนสุดท้ายว่าต้องเป็นเปรตค่ะ

การแสดงชุดนี้มีเปรต 4 ตน ยมทูต 1 ท่าน  เริ่มจากเปรตตนที่
1. น้องดิว     แสดงเป็นเปรต ด่าพ่อตีแม่  (ลักษณะเด่น น้ำตาไหลเป็นสายเลือด และลิ้นยาวร่างกายเน่าเละ)
2. น้องเบิร์ด  แสดงเป็นเปรต  โกรธตาย เป็นคนอารมณ์ร้อน  (ลักษณะเด่น ลูกตาถลนออกมานอกเบ้า มีเส้นเลือดลามไปทั่วตามใบหน้าและลำตัว)
3. น้องดา     แสดงเป็นเปรต  ถูกไฟคลอกตายในสถานที่บันเทิงชื่อดัง  (ลักษณะเด่น ใบหน้าไหม้ ตามแขน และลำตัว ถูกไฟเผาไหม้ดำเป็นถ่าน)
4. ดิฉัน        แสดงเป็นเปรต ทำแท้งลูก (ลักษณะเด่นใบหน้าซีดขาวและแก่เพราะทรุดโทรมจากการเสียเลือด และที่ท้องก็มีเด็กเกาะอยู่อีก 1ตัว)
5. น้องเก่ง    แสดงเป็นเปรต ยมทูต มาเพื่อเกี่ยววิญญาณ เปรต ไปลงโทษฑัณฑ์

นักแสดงทั้ง 5 คนนี้  เมื่อได้รับคำสั่งก็รับคำปฏิบัติตามหน้าที่ของตนการแสดงชุดนี้ หากทำแล้วคนเขาจะได้ละบาปแล้วหันมาทำความดีแล้วละก็สู้ตายค่ะซึ่งทุกคนก็คิดอย่างเดียวกันหมดค่ะ ดังนั้น น้องเบิร์ด และน้องดิว  เมื่อรับคำสั่งก็ไปคิดท่าทางการแสดงประกอบเพลง ให้แก่นักแสดงแต่ละคน แล้วมานำเสนอคุณรุ้ง ผู้กินกับ เอ้ย ผู้กำกับการแสดง ชุดนี้ค่ะ



ซ้อมแสดงครั้งแรก  แสดงตามเนื้อเพลงเปรตวัดสุทัศน์นี้แหล่ะค่ะทุกคนลงความเห็นว่า มันเหมือนยังจะขาด ๆ หาย ๆ อะไรไปค่ะ เพลงมันเย็นสบายและแลดูไม่น่าตื่นเต้นเงียบเหง่าแต่ก็ยังแฝงความหลอนอยู่ค่ะ  จึงขอให้น้องเบิร์ด และน้องดิว ไปหาเพลงที่น่าตื่นเต้นระทึกใจตัดต่อเพิ่มเติมใหม่ในช่วงท่านยมทูตเดินมาเกี่ยววิญญาณเปรต  ให้ดูน่าตื่นเต้น ทั้งสองก็ไปช่วยกันทั้ง ๆ ที่เขาทำงานกันเลิกถึงเที่ยงคืนทุกวัน เวลาว่างต้องหลังเที่ยงคืนค่ะ  ส่วนท่านยมฑูตเก่ง ต้องตื่นไปทำงานตั้งแต่ตี 4ทุกวัน ตกเย็นก็ไปเรียนหนังสือถึง 3 ทุ่มทุกวัน กลับบ้านยังมานั่งสมาธิต่ออีกนะเด็กคนนี้  แต่เปรตอย่างดิฉันกับน้องดา ยังดีกว่าเขาหน่อยแต่ก็ต้องไปช่วยงาน อ.เจน มืดค่ำเกือบทุกวันทำงานอะไรก็อุปกรณ์งานบุญทั้งนั้นแหละค่ะ ดังนั้น วันซ้อมและวันว่างของแต่ละคนนั้นแสนจะหายาก มีงานบุญที่ต้องช่วยกันอีกหลายเรื่อง  เวลาการซ้อมจึงแทบจะไม่มีเอาเสียเลย ซึ่งเมื่อถึงวัดนัดกันจริงๆ ก็ทำการซ้อมกันไปจัดงานบุญกันไปค่ะ



ซ้อมแสดงครั้งที่สองเพลงได้ถูกตัดต่อมาอย่างหลอน น่าขนลุก น่าสะพรึงกลัว และน่าตื่นเต้น  แค่ฟังเพลงและซ้อมการแสดงก็กลัวกันเองแล้วค่ะ ครั้งนี้ก็เช่นกันนัดกันมาเพื่อซ้อมการแสดงแต่งานบุญยังไม่เสร็จต้องช่วยกันทำงานบุญอื่นจัดข้าวของที่บ้านอีกมากกว่าจะได้ซ้อมแสดงกันก็ประมาณ 2 - 4 ทุ่มค่ะ  ทุกคนกลับบ้านกันประมาณ 5 ทุ่ม สำคัญตรงที่เมื่อพวกเรากลับกันแล้วอ.เจน กับคุณรุ้ง บอกว่า สงสัยเปรตเขาชอบการแสดงมั้งค่ะ เขาร้องกันหวีดหวิว เสียงดังระงมมากกว่าจะได้หลับได้นอนกันก็ต้องแผ่เมตตาให้พวกเปรตเขาไปค่ะ เพราะเสียงเพลงที่เราซ้อมกันจนเปรตเขามาดูหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ



ซ้อมแสดงครั้งที่สาม  งานนี้ต้องไปซ้อมที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี  ก็เพราะว่า เป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายแล้วเนื่องจากไม่มีเวลากันมาก และต้องมาที่นี่ก็เพราะว่า ดิฉันต้องมาสัมมนาที่ อ.ชะอำจ.เพชรบุรี  วันเสาร์-อาทิตย์  แต่ปรากฏว่า อ.เจน และคุณรุ้ง เห็นว่าเวลามีน้อย ถ้าจะมารอดิฉันคนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องติดตามดิฉันไปที่ อ.ชะอำ เพื่อลักพาตัวค่ะ  พร้อมยกขบวนกันไป โดยมี อ.เจน  ประธานใหญ่ คุณรุ้ง ผู้กำกับ  นักแสดงทั้ง 5 1.ดิฉัน 2.น้องเก่ง 3.น้องเบิร์ด 4.น้องดา 5.น้องดิว    เฮีย ผู้ช่วยอ.เจน และนักแสดง ที่สำคัญมากที่ช่วยเหลือสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทาง ค่าที่พัก ก็ต้องเป็น คุณมิตรค่ะ  เนื่องจากเราไม่มีทุนทรัพย์ในส่วนนี้ค่ะสำหรับเรื่องค่าอาหาร อ.เจน  คุณรุ้งและคุณมิตร  ก็ช่วยเหลือสนับสนุนค่ะ  ซึ่งงานนี้ก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับผู้ช่วยเหลือสนับสนุนทุกท่านค่ะเพราะว่าตลอดเส้นทาง อ.เจนนำพาลูกศิษย์ทำบุญตลอดเส้นทางกว่าจะมารับดิฉันก็บ่ายคล้อยแล้วค่ะ แต่เมื่อดิฉันได้เห็นหน้าอาจารย์และผองเพื่อนมารอรับเสียขนาดนั้นก็สมยอมหนีตามเขามาค่ะ  



ช่วงเช้า-บ่าย อ.เจนก็นำพาลูกศิษย์ไปไหว้พระตามวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไปปีนเขา และเข้าถ้ำ  ส่วนดิฉันก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมของหน่วยงานค่ะโดยไปดูงานโครงการพระราชดำริของในหลวง ไปแหลมผักเบี้ย ดูงานโครงการของพระองค์ท่านที่ทำให้ระบบนิเวศน์กลับคืนมาสู่ธรรมชาติจึงเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ค่ะ
มาถึงบ้านพัก อ.เจน ก็ไปกับคุณมิตรเพื่อไปหาซื้อ กุ้ง  ปลาหมึก มาปิ้งย่าง เตรียมไว้เลี้ยงนักแสดงส่วนนักแสดงก็มีหน้าที่แสดงกันไป โดยมีคุณรุ้งเป็นผู้กำกับและควบคุมการแสดง  วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ค่ะ  วันนี้ คุณรุ้ง จึงมีบัญชาให้นำอาวุธประจำกายของยมทูตมาซ้อมการแสดงด้วยค่ะอาวุธนี้มีลักษณะเป็นไม้ 3 ง่าม  คุณรุ้ง ได้สั่งทำมาเป็นพิเศษเพราะเจ้าของร้านทำประตูเขายินดีทำให้ฟรี เมื่อรู้ว่า คุณรุ้ง ต้องการนำมาแสดงเรื่องที่เกี่ยวบุญบาปเขายินดีค่ะเขาทำให้เสร็จทันกับวันที่ซ้อมใหญ่นำมาส่งถึงบ้านเลยค่ะ  ครั้งแรกที่ อ.เจน เห็นไม้ 3 ง่ามนี้  จึงพูดกับคุณรุ้งว่า พี่รุ้ง  เจนเห็นอาวุธประจำกายของน้องเก่ง ในตาทิพย์ ไม่ใช่แบบนี้นะเป็นเหมือนหอกปลายแหลมมีคมมีดอันเดียวนะ แบบนี้ไม่ใช่อาวุธของน้องเก่ง แต่คุณรุ้งก็พูดขึ้นว่า ช่างเถอะเขาทำให้ใหม่ไม่ทันแล้ว อาทิตย์หน้าต้องแสดงแล้วใช้อันนี้แหละไม่ต้องไปแก้ไขอะไรทั้งนั้น เพราะคนส่วนมากก็เข้าใจผิดคิดว่า ยมทูตจริงๆ ต้องเป็นไม้ 3 ง่าม กันทั้งนั้น ช่างเฮ้อะ  เมื่อผู้กำกับพูดเสียอย่างนี้แล้วใครจะขัดใจนักแสดงทุกคนก็ว่าตามนั้นเพราะเห็นด้วยทุกประการค่ะ



ความรู้ที่ไม่มีใครรู้ ก็คือว่า ในขุมนรกนายนิริยะบาล เขาจะมีอาวุธประจำกายที่ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะอยู่ในแดนใด  แต่ของน้องเก่ง มีหน้าที่ทิ่มแทงและเกี่ยววิญญาณส่งไปรับบาปตามขุมนรกต่างๆ ยังจำได้ว่า วันที่ อ.เจน พูดขึ้นนั้น อ.เจน รู้ในญาณว่า คนที่เป็นยมทูตมาเกิด เมื่อถึงเวลาก็ต้องไปอยู่ที่เดิมอีกไปทำหน้าที่ดังนั้น ขอให้น้องทำบุญให้มาก เพราะยมทูตเขาก็มีความทุกข์เหมือนกัน ทุกข์ใจที่ต้องมาเกี่ยวดวงวิญญาณของผู้ที่ตกอบายภูมิแต่เมื่อหมดหน้าที่ก็ไปเสวยสุขในแดนของตน แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องมาทำหน้าที่อีกที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าครั้งที่เป็นมนุษย์ทำทั้งบุญและบาปค่ะ  และ อ.เจน ก็ท้าพิสูจน์ว่าผู้ที่เป็นยมฑูตแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ จะต้องมีสัญลักษณ์ติดตัวมา ดังนั้น อ.เจนจึงพูดว่า ที่ด้านหลังน้องเก่งมีปานแดงที่หลัง ให้เปิดเดี๋ยวนี้เลย ซึ่งตัวน้องเก่งเองก็ไม่เคยเห็น ทุกคนจึงบอกให้น้องเก่งหันหลังและช่วยกันเปิดเสื้อท้าพิสูจน์แล้วทุกคนก็ต้องตกตลึงมีปานสีแดงเป็นรูปหัวใจที่หลังน้องเก่ง จริง ๆ ด้วยตัวน้องเก่งเองก็เพิ่งมารู้วันนี้เองค่ะ และ อ.เจน ยังพูดขึ้นอีกว่า ช่างติ๊กคนที่เป็นหัวหน้าช่างสร้างสำนักปฏิบัติธรรมฯ เขาก็มีเหมือนกันเพราะเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่นรกเหมือนกับน้องเก่งนั่นแหละค่ะถ้าไม่เชื่อก็ไปขอเขาดูเพราะ อ.เจน เห็นมาแล้วว่าจริงอย่างนั้นค่ะ
  น้องเก่งพูดขึ้นว่าวันนี้ผมตั้งใจซ้อมให้เหมือนจริงนะครับ คือว่าผมได้เชิญเพื่อนยมทูตของผมมาด้วยดิฉันจึงถามว่า เชิญมายังไง น้องบอกว่า ก็อธิษฐานครับว่า หากข้าพเจ้าเคยเป็นนายนิริยะบาลมาในอดีตชาติก็ขอให้เพื่อนๆ ของผมที่ยังอยู่ในขุมนรกมาดลจิตดลใจหรือมาแฝงร่างของผมก็ได้เพื่อให้การแสดงออกมาดีและให้คนเชื่อเรื่องการทำบาปทำกรรม คนเขาจะได้ไม่คิดทำผิดศีลอีกต่อไป  ถ้างั้นวันนี้เราจะแสดงให้สมจริงกันนะครับ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ตกลงกันตามนั้นค่ะ  แต่ดิฉันได้ฟังแล้วก็อึ้งเหมือนกันนะค่ะเฮ้ยมันเล่นแรงมันเอาจริงว่ะ เจ้าน้องเก่งคนนี้เวลาได้รับคำสั่งให้ทำอะไรเขาทำจริงค่ะ และเชื่อหรือไม่ว่าการเชื้อเชิญเสียขนาดนี้ท่านยมทูตนายนิริยะบาลมีหรือจะไม่มา เพราะเขาเป็นเพื่อนกันมา อ.เจนเคยบอกว่าเรียกเพื่อนมาช่วยงานได้ถ้าขับขัน น้องเขาก็จัดเต็มสะงั้น เฮ้อไม่อยากจะคิดค่ะ



บ้านพัก มีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น  ใต้ถุนสูงโล่ง  มีพัดลมติดเพดาน  ที่กำลังพัดหมุนอยู่ในขณะเราที่ทำการซ้อมกัน  น้องเบิร์ด ก็ร้องตะโกนบอกให้น้องเก่ง ระมัดระวังไม้3 ง่ามด้วยนะ เสียวจะโดนพัดลม แต่ยังไม่สิ้นเสียง  ก็มีเสียงดังลั่นเพลี้ยะ  พัดลมปั่นทีเดียว 3 ง่าม  ง่ามไม้ที่ด้านซ้ายและด้านขวา กระเด็นลงมากองคู่กันอยู่ระหว่างเปรต2 ตน คือ ดิฉันและน้องดา โดยไม่โดนใครให้ได้รับอันตรายบาดเจ็บเลยค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นชั่วพริบตามเดียวไม่น่าเชื่อค่ะ สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ ไม้ 3 ง่ามกลายเป็นหอกปลายแหลมเหมือนกับที่ อ.เจน ได้บอกไว้แต่แรกแล้วว่า อาวุธประจำกายของน้องเก่งต้องเป็นหอกปลายแหลมและมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งดิฉันรู้ได้ทันที ด้วยแรงอธิษฐาน  หรือชะลอยว่าเพื่อน ๆยมฑูตของน้องเขามาแสดงฤทธิ์  ให้น้องเก่งเขาต้องถืออาวุธประจำกายที่แท้จริงหรือท่านอยากจะบอกว่า อาวุธที่เจ้าถืออยู่นั้นไม่ใช่อาวุธที่แท้จริงของเจ้ากระนั้นหรือ  แต่ทุกคนก็ไม่ลดละความพยายามโดยเฮีย บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปต่อให้เหมือนเดิม เฮียพูดไม่ทันจบ เศษไม้อีกท่อนก็ปริแตกหล่นออกมาเป็นเศษส่วนไปแล้วอย่างนี้ต่อไม่ได้แล้วเฮีย อย่างนี้เรียกว่าจบ
เมื่อ อ.เจน กลับมาจากการจับจ่ายอาหารพวกเราก็รายงานกันด้วยความตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ อ.เจนพูดให้เข้าใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือว่า สุดท้ายเขาก็ต้องใช้อาวุธที่แท้จริงของเขาค่ะ  งานเข้าเฮียด้วยการนำไปตกแต่งให้เรียบร้อยและเป็นหอกไปในที่สุดค่ะ
การซ้อมที่สมจริง ทำเอาดิฉันโดนยมฑูตจับโขกกับพื้นหัวโนเป็นลูกมะอึกเลยค่ะ ยังไม่พอเสียงเพลงจากการซ้อมแสดงของเรา ดังไปถึงบ้านพักรอบข้าง เพราะใคร ๆ เขาก็เปิดเพลงกันดังด้วยกันทั้งนั้น แต่เขากินเหล้ากันค่ะ  แต่การซ้อมแสดงของเราเป็นเพลงที่ร้องโหยหวนน่ากลัวยิ่งนักในยามค่ำคืน ซึ่งในการแสดงน้องเก่งถอดเสื้อ ถือหอกมาทำร้ายมาจับวิญญาณ ดิฉันกับน้องดา ที่ร้องด้วยความหวาดกลัว แต่ตอนนั้นไม่ได้แต่งหน้าเป็นเปรตเหมือนในวันแสดงนะค่ะ จึงทำให้เจ้าของบ้านเช่า วิ่งมาเพื่อจะช่วยเหลือด้วยคิดว่า เกิดการทะเลาะวิวาทฆ่าแกงกัน แต่ลูกสาวเขาบอกว่า แม่ ๆ เขาแสดงละครกัน  ยิ่งไปกว่านั้นบ้านพักตรงข้ามแอบมองการแสดงของเรากินเหล้าไปด้วย จึงร้องตะโกนฝ่าความมืดมาด้วยเพลงนี้ค่ะ เป็นท่อนหุก ของเพลง  "ไปไป ไป ลงนะนรกเสียเถิดที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ เวลาของเธอหมดแล้ว ไป ไป" จบมั้ยค่ะ ตอนนั้นเกือบ 4 ทุ่มแล้ว เลิกดีกว่า แฮะ ๆ



เสื้อผ้า แสดงเปรตก็ต้องแต่งชุดเปรต และชุดของเปรตเป็นยังไง อ.เจนบอกว่าในนรก มีทั้งใส่เสื้อผ้าและไม่ใส่เสื้อผ้า พวกที่ใส่เสื้อผ้าก็จะขาดวิ้น มีเลือดไหลท่วมตัว ถ้างั้นก็ต้องเละ ถึงจะดี  ความคิดฉับไวของใครบางคนบอกว่า เสื้อตราห่านนำมาทาสีให้เละ แต่ดิฉันคิดว่าเสื้อเก่าๆของลูกชายดีกว่า จึงขโมยมาพร้อมกางเกงขาสั้นให้เปรตชายผู้กำกับก็มีคำสั่งให้เฮียไปซื้อ สีโพสเตอร์ มาระบายเสื้อผ้า และซื้อสีทาตัวงิ้ว  สีแดง เพื่อยมทูตโดยเฉพาะค่ะ
งานนี้เป็นงานของผู้หญิง อ.เจน คุณรุ้งดิฉัน และน้องดา ส่วนเฮีย ช่วยอำนวยความสะดวกทุกเรื่อง  เราเริ่มจากการนำเสื้อมาฉีกให้ขาดและนำมาเผาไฟให้เป็นรอยไหม้และเป็นรูโหว่  เมื่อเสร็จแล้วก็เอามาเช็ดพื้นให้สะอาดมันจะเกี่ยวกันมั้ยเนี้ย แต่ก็ทำอย่างนั้นเพราะเฮียเอาเสื้อไปขัดถูทำความสะอาดของในบ้านจนพวกเราต้องบอกพอแล้วเดี๋ยวจะคันกันนะเฮีย  ปัญหาที่คิดไม่ถึงก็คือกลิ่นธูปเทียนฟุ้งตลบอบอวนอยู่ในบ้านสำลักกันเกือบตายค่ะ
ต่อจากนั้นนำเสื้อที่ขาดวิ่นนี้ไปทาสีให้เลอะเทอะเมื่อเห็นว่า เสื้อนั้นแลดูจะเป็นเสื้อบาติกไปสะหน่อย ต้องทำให้สมจริง ซึ่งคุณรุ้งจึงบอกให้ดิฉันไปใส่เสื้อให้สมจริง สมจริงยังไง เมื่อดิฉันใส่เสื้อกลับมาปรากฏว่า อ.เจนก็เอาสีแดงมาทาที่ฝ่ามือ  คุณรุ้งเอาสีแดงมาทาที่ฝ่าเท้า ทุกคนพร้อมแต่ดิฉันยังไม่พร้อม ต้องทำใจสักพักหนึ่งค่ะ  เมื่อพร้อมแล้ว คุณรุ้ง ก็ใช้ฝ่าเท้าพิฆาตที่ได้ทาสีไว้แล้วเหยียบมาที่หน้าอกอย่างแรงและมิดเท้าเลยค่ะ นี่คือฝ่าเท้าของลูกสาวพญามัจจุราชในอดีตชาติค่ะตอนนั้นดิฉันก็เกิดสะพรึงกลัวมากทีเดียวค่ะ



หน้าผม เราได้เสื้อผ้าเปรตแล้ว แต่ใบหน้าและผมล่ะ เราจะทำยังไง น้องดิว เสนอว่า ให้น้องสาวมาช่วยแต่งให้ค่ะปกติแล้วน้องเขาจะแต่งหน้าให้กับนางแบบ และนักแสดง คงเครียดน่าดูที่ต้องมาแต่งหน้าผีเปรต  น้องเขาก็ไม่มีค่อยมีเวลาหรอกค่ะ จึงนัดได้นัดน้องเขามาตอนที่น้องว่างค่ะน้องว่าง 1 ทุ่มเป็นต้นไปค่ะ เราแต่งหน้ากัน 1 – 5 ทุ่ม มันเป็นบรรยากาศที่หลอนมากเพราะว่ากว่าจะแต่งหน้ากันเสร็จก็ดึกดื่นมากแล้ว ทุกคนก็เกิดคิดเล่นสนุกกันค่ะ จึงแนะนำให้น้องเบิร์ดที่แต่งหน้าเสร็จก่อนออกไปยืนเงียบ ๆ อยู่ที่รั้วหน้าบ้าน แล้วพวกเราก็แอบดู สนุกกันใหญ่ค่ะมีทั้งรถมอเตอร์ไซด์ และคนเดินผ่าน ต่างก็พากันตกใจค่ะ เราอยากสนุกกว่านั้นจึงบอกให้น้องเบิร์ดเดินออกจากบ้าน อ.เจน ไปร้านเซ่เว่น ใกล้วัด ผลคือเขาตกใจกันค่ะก็มานั่งขำกันที่บ้านค่ะ
เล็บมือเปรต เรื่องนี้ไม่ได้คิดกันมาก่อนค่ะ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อ.เจนมักพูดเสมอว่า ขอให้เชื่อ ซึ่งก็จริงค่ะ  เพราะว่ามีอยู่วันหนึ่งอ.เจน พาไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อเดินลงมาจากบันใดวัด พวกเราก็ไปเดินดูสินค้าที่เขาวางขายกันแล้ว อ.เจน ก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาตอนนั้นไม่รู้จัก แต่ อ.เจน อ่านแล้วบอกว่าเขาใช้นวดนิ้ว มีลักษณะเป็นเส้นหวายเส้นเล็ก ๆ นำมาสานกันเป็นรูปที่ครอบนิ้ว ความพิเศษของมันก็คือเมื่อนำมาสวมไว้ที่นิ้วมันก็จะดูดนิ้วของเราไว้อย่างนั้นค่ะ คนที่รู้จักเขาเรียกว่า งูกินเขียด   เมื่อ อ.เจน หยิบมาได้ 1 อัน ก็นำมาสวมไว้ที่นิ้วของดิฉันตอนนั้น ความคิดก็แล่นเลยค่ะ ดิฉันกับ อ.เจน พูดพร้อม ๆ กันว่า นิ้วเปรตมันยาวและสยองดีค่ะ ถ้าเอาไปทาสี และทุกคนก็ตกลงกันตามนั้นค่ะ  อันนี้ก็เป็นหน้าที่เฮีย ที่น้องนำไปทาสีพร้อมกับหอกปลายแหลมค่ะ


วันขุมนรกเปิด
วันที่เปิดการแสดงนักแสดง ช่างแต่งหน้า (น้องบูม) ก็มากันแต่เช้า เพราะการแต่งหน้าผีนั้นไม่ใช่เล่นเนื่องจากน้องเขาแต่งหน้าดารา นางแบบ มาโดยตลอดเป็นงานที่ง่ายสำหรับน้องเขามากและวิชาการแต่งหน้าแอฟเฟ็กอย่างหน้า ศพ หน้าผี อย่างนี้น้องบอกว่า เคยแต่งสมัยเรียนเป็นนักเรียนแต่วันที่มาซักซ้อมการแต่งหน้ากันวันนั้น ก็หน้ากลัวแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่มีปัญหาสำหรับน้อง ปัญหามันขึ้นอยู่กับเวลาด้วยค่ะวันนั้นเราจับเวลากันว่าแต่ละคนใช้เวลาแต่งหน้ากันคนละกี่นาทีแต่ขอบอกว่าน้องแต่งได้เร็วมาก สบาย ๆ เรื่อย ๆ ไม่มีความเครียดกังวลใดค่ะแต่ยังไงๆ นักแสดงและองค์ประกอบโดยรวมก็ต้องพร้อมด้วยเช่นกันค่ะ
แต่งหน้ากันตั้งแต่กี่โมงค่ะ  เป็นคำถามที่โดนใจดิฉันมากค่ะ คนที่มาในงานถามกันหลายคนเพราะใบหน้าของแต่ละคนดูไม่ได้และไม่ได้น่าดูเลยค่ะ ตัวเองยังกลัวตัวเอง เมื่อเดินชนกันในบ้าน อ.เจนก็ยังตกใจกันเองเลยค่ะ เราเริ่มแต่งหน้ากันตั้งแต่เช้า เวลา 9.00 น. เช้านี้ ดิฉัน น้องเก่ง น้องดิว น้องดาน้องเบิร์ด นักแสดง และผู้ช่วยเหลือนักแสดงในเช้านี้ ก็มี คุณมิตร คุณสุดารัตน์ น้องเชน ซึ่งพอมีฝีมือด้านศิลป์ คุณรุ้ง จึงให้มาช่วย ช่วยน้องบูม เก็บลายละเอียดเล็ก ๆเช่น เส้นเลือด ใบหน้าน้องเบิร์ด และวาดตัวตะขาบที่หน้าดิฉัน และแขนตะขาบเลื้อยกันเต็มใบหน้าเชียวค่ะ น้องเขามีฝีมือด้านนี้รวมทั้งช่วยละเลงสีตัวต้องเก่ง ส่วนเฮีย  วิ่งหาซื้อสิ่งของที่ขาดดิฉันจะขอเรียงลำดับคนที่แต่งหน้านะค่ะ ดังนี้
1. ดิฉัน เป็นใบหน้าแรกค่ะ ใบหน้าดิฉันไม่มากแต่งแป๊ปเดียวก็น่ากลัวสะยอดสยองแล้วค่ะใบหน้าซีดขาว หมองคล้ำ และเย็บปากด้วยเส้นด้าย จัดไปก่อนค่ะ
2. น้องดิว  ในส่วนของน้องดิว แต่งใบหน้าเล่ะ ๆที่ต้องใช้ในการแสดงเพื่อเอาไว้คาบที่ปากค่ะ เรื่องลิ้น คุณรุ้งคิดว่าจะทำอย่างไรที่ให้เหมือนลิ้นมากที่สุด ลิ้นต้องแก่วงได้และนิ่มด้วยต้องให้เหมือนลิ้นมากที่สุด ต้องเน่าสีคล้ำเหมือนเลือด เมื่อแต่งหน้าเสร็จแล้วน้องดิวก็ต้องนั่งประดิษฐ์ลิ้นตามนั้นสิ่งที่คิดได้ก็คือแผ่นเจลลดไข้ นำมาทาสี และเก็บไว้ในตู้เย็นจะทำใหม่กลัวไม่ทันเพราะกว่าจะทำให้สีดูน่ากลัวอย่างนี้และมีแผ่นเดียวด้วย กว่าจะถึงวันแสดงอาทิตย์นึ่งแหนะค่ะน้องดิวต้องอมไว้ในปากตลอดเวลา ทำให้น้ำลายเต็มปากกันเลยทีเดียวเมื่อแผ่นเจลอยู่ในปากโดนน้ำลายเข้าไปอีกก็ยิ่งพองเต็มคับปากพูดกะใครก็ไม่ได้สุดท้ายหลังแสดงเสร็จปากแทบบวมค่ะ
3. น้องเบิร์ด เป็นนักแสดงที่ต้องอดทนมากด้วยเช่นกันค่ะ เพราะต้องปิดตาให้เหลือข้างเดียวอีกที่ถูกปิดตาเป็นลูกตากลมโปนให้เหมือนจะถล่นออกมานอกเบ้าค่ะ การที่มีลูกตาข้างเดียวนั้นต้องอดทนมากเพราะถ้าปิดตานานๆการปรับตัวทางด้านการมองนั้นจะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะเป็นอย่างมาก แต่ด้วยสัญชาติของนักแสดงต้องอดทนกว่าจะเดินทางไปแสดงต้องนั่งหลับตาและทำสมาธิตั้งแต่เดินทางจนถึงขึ้นเวทีแสดงและยืนถ่ายรูปนานมากค่ะ
4. น้องดา แต่งหน้าเป็นคนสุดท้ายเพราะว่า ต้องไปหาซื้อสร้อยสังวารของยมทูตต้องรีบหน่อยเพราะสร้อยที่มีอยู่ไม่เข้ากันจึงต้องไปหาซื้อที่พาหุรัด ดังนั้น เฮียจึงรับขับมอเตอร์ไซด์น้องดาซ้อนท้าย เมื่อได้ของที่ต้องการกลับมา น้องดาก็หัวฟูไม่ต้องทำผมมากยีหัวได้เลยค่ะ ขอบอกน้องไม่ได้ใส่วิกเหมือนกับดิฉันนะค่ะ นั่นคือผมจริงค่ะมาถึงเหนื่อยหอบก็ต้องมานั่งให้แต่งหน้าได้เลยค่ะ ด้วยใบหน้าของศพถูกไฟคลอกตายค่ะ ศพเที่ยวผับไฟไหม้หนีตายออกมาไม่ทันค่ะ
5. น้องเก่ง ท่านยมทูต ช่างแต่งหน้าได้แต่งหน้าตามที่ อ.เจน เลือกใบหน้าแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ที่เห็นในนรกตามลำตัวต้องเป็นสีแดง  คุณรุ้ง และน้องเชน ก็ช่วยกันทาเพื่อให้ทั่วทั้งตัว ส่วนคุณมิตร ทำหน้าที่แต่งตัวโจงกระเบนแดงให้น้องเก่งตั้งแต่เริ่มทาสีต้องนอนบนแผ่นพลาสติกแผ่นใหญ่และน้องจะเดินออกมาจากแผ่นพลาสติกนี้ไปไม่ได้เดี๋ยวบ้านเลอะเทอะค่ะน้องก็จะพิเศษหน่อยนั่งกินข้าวและนอนหลับพักผ่อนรอพี่พี่สบายใจอยู่คนเดียวแต่ในใจน้องคิดว่า แล้วสีมันจะแดงนี้จะล้างสีออกมั้ยน้า น้องเก่งว่าอย่างนั้นค่ะ
ออกจากบ้านกันยังไง  ปลอมตัวกันค่ะ เพราะเปรตทั้งหลายต้องไปนั่งรถอ.เจน ซึ่งเป็นคนขับ ถ้าใครเขาหันมาเห็นด้วยตาเนื้อ ก็ต้องตกใจกันมากยิ่งถ้ามาเห็น อ.เจน ขับรถและมีภูตผีนั่งอยู่ด่านหลังคงจะต้องฮือฮากันไม่ใช่น้อยค่ะและเมื่อลงรถก็ต้องเดินเข้าห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนมากมายจะมิยิ่งตกใจกลัวกันหรือค่ะดังนั้น ทุกคนจึงต้องสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมตัวเอง หมวก แว่นตา สารพัดจัดกันมาพร้อม
จากที่เล่ามาตั้งแต่ต้นนั่นแหละค่ะน้องบูมเขาสามารถแต่งหน้าพวกนำแสดง จนคนดูแยกออกได้ว่า นั่นมันผีชัดชัดถ้าเป็นศพก็เป็นศพที่เละมาก คนเห็นต้องวิ่งหนีไปตั้งหลักใหม่สังเกตได้จากผู้คนที่มาขอถ่ายรูป อยู่แต่ไกลร้องว่าขอถ่ายรูปด้วยค่ะแต่เมื่อเข้ามาใกล้เห็นกันจะจะ ดิฉันหันไปแสยะยิ้มให้อย่างเมตตาปราณี แล้วโบกมือว่ามาซิค่ะ พวกเธอหันหลังวิ่งกลับไปพร้อมกับบอกว่า ไม่ถ่ายแล้วค่ะ น่ากลัว น่ากลัวมากแสดงว่าแต่งได้เหมือนผีมากจริง ๆ ลูกเล็กที่พอรู้เรื่อง ตกใจร้องให้กันใหญ่พ่อแม่ก็จะมาขอถ่ายรูป ลูกก็ไม่ยอมให้พ่อแม่เข้ามาถ่ายรูป สรุปว่าเหมือนมากจนนักข่าวสื่อมวลชนหลายช่อง หนังสือนิตยสารชื่อดัง ประมาณ 2 – 3รายการ ได้เข้ามาขออนุญาตถ่ายรูปไปก็มากค่ะ เรียกได้ว่า ตั้งแต่ อ.เจน ขึ้นเวลาจนถึงลงจากเวที พวกผีผี อย่างเรา ไม่ได้พักผ่อนเลยค่ะ แฟนครับ แฟนพันธุ์แท้และพนักงานที่อยู่ในบริเวณนั้น และผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มาขอถ่ายรูปกันมากมายค่ะเหนื่อยมากค่ะ แต่สุขใจในบุญกุศลที่ทำมากกว่าความเหน็ดเหนื่อย เนื่องจาก
หลังการแสดงจบทุกคนก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การแสดงชุดนี้น่ากลัวมาก จนไม่กล้าที่จะทำความผิดทำให้กลัวบาปกรรมมากยิ่งตอนที่ท่านยมทูตชี้หน้าตอนนั้น ทุกคนที่ชมการแสดงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกเกรงกลัวมากทำไมต้องกลัวมาก ไม่ต้องแปลกใจเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ
ผีเปรตมาร่วมแสดง  เมื่อพวกนักแสดงแต่งตัวเสร็จนั่งคุยกัน อ.เจนและคุณรุ้ง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหม็นเน่า ทำไมเหม็นเน่าอย่างนี้และก็หันมาที่พวกนักแสดงแล้วก็พูดว่า อ๋อเข้าใจแล้วเปรตที่อยากได้บุญเขาจะมาแฝงพวกพี่แสดงเรื่องนี้ เพราะหนูสวดมนต์เมื่อเช้าอธิษฐานว่าขอให้การแสดงครั้งนี้คนที่มาชมและสื่อที่ออกไปได้เชื่อในเรื่องการทำกรรมและไม่คิดทำอีกจึงขอให้พวกเปรตมาแฝงนักแสดงตามแต่ลักษณะการแต่งตัวของแต่ละคนค่ะ  และขอให้ท่านยมทูตมาแฝงน้องเก่งให้การแสดงเหมือนจริงค่ะ
ท่านยมทูตมาแฝงน้องเก่ง  น้องเก่งบอกว่าระหว่างนอนทำสมาธิอยู่นั้นขอเชิญเพื่อน ๆ ที่เป็นยมทูตกันมาในอดีตชาติ มาแฝงผมให้การแสดงครั้งนี้เสมือนจริง และผมแบ่งบุญให้ครับ และในวันแสดงจริงผมรู้สึกโกรธมากโกรธพวกเปรตทั้งหลายที่ทำชั่ว ควบคุมตนเองไม่ได้หลังเลิกการแสดงแล้วผมยังโมโหอยู่เลยค่ะ
ท่านยมทูตมาจริง  ถ้าคนที่ไปชมงานแสดงในวันนั้นจะรู้สึกได้ว่าวันนั้นน้องเก่ง แสดงได้น่ากลัวมากแววตาของน้องเก่งดุดันและน่ากลัวมาก แม่ตี้ บอกว่า แววตาของน้องเก่งกลายเป็นสีขาวน่ากลัวมากเหมือนยมทูตตัวจริงที่เคยนำพาวิญญาณแม่ตี้ไปครั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานเลยค่ะ และอ.เจน จึงพูดขึ้นว่า ท่านมาจริงค่ะ ตอนนั้นหนูมีความรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวจึงเพ่งจิตดูน้องเก่งจึงเห็นท่านยมทูตท่านเพียงแว๊บเดียว รู้ได้ว่าท่านมาจริงค่ะ
ความเจ็บปวดของนักแสดงที่เกิดขึ้นจริง  ก่อนการแสดงได้กำชับกับน้องเก่ง ว่าไม่ต้องยั้ง หากเราร้องโหยหวนขอความเมตตาก็ไม่ต้องยั้ง แสดงให้เหมือนจริงนะน้องเก่งก็รับปากครับผมจะทำให้เต็มที่ ขณะที่แสดงนั้น  น้องน่ากลัวมาก ซึ่งมากกว่าครั้งที่ซ้อมกันเสียอีกค่ะในตอนนั้นดิฉันเกรงกลัวยมทูตตนนี้มากค่ะในขณะที่น้องดาถูกจิกและหัวลากมาลงทัณฑ์โทษอยู่นั้นดิฉันมีความรู้สึกสงสารน้องดามากและมองด้วยความสงสารเป็นที่สุดเหมือนว่าน้องดาเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังถูกลงทัณฑ์ซึ่งน้องดา บอกว่า เจ็บปวดมากค่ะตอนนี้ยังไม่หายเลยหัวบวมอยู่ค่ะ ประมาณ 1 อาทิตย์กว่าจะหายค่ะเพราะน้องดาไม่ได้ใส่ผมวิกเป็นผมจริงของน้องดา และน้องบอกว่าอารมณ์ร่วมในการแสดงนั้นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับว่าตนทำความผิดนั้นมาจริง ๆจึงต้องมารับกรรมอย่างนี้ สำหรับดิฉันแล้วสงสารน้องดาโดยไม่ได้คิดถึงตนเองแต่พอถึงตนเองบ้างก็โดนยมฑูตบีบคอจับโขกหัวกับพื้นและโดนหอกทิ่มแทงไปโดนที่หน้าผากของดิฉันซึ่งเจ็บปวดมากหัวเขียวมากนี่ก็อาทิตย์กว่าแล้วขณะเขียนนี้ก็ยังไม่หายเลยเจ็บเลยค่ะอารมณ์ร่วมในการแสดงตอนนั้นดิฉันเกรงกลัวเกรงกลัวยมฑูตจริง ๆ ค่ะช่วงที่นอนค้างท่าทางอยู่นั้นดิฉันมือสั่นไปหมดและหันหน้าไปทางน้องดิวซึ่งมีความรู้สึกเช่นเดียวกับน้องดาเลยคือว่าสงสารมากค่ะอารมณ์ของน้องดิวก็คงไม่ต่างจากนักแสดงทุกคน ส่วนน้องเบิร์ดก็มีอารมณ์ไม่แต่ต่างกับคนอื่นน้องคนนี้เขาแสดงอะไรเขาจะเป็นคนนั้นไปเลยค่ะ
ความภูมิใจของนักแสดงและทีมทำงาน  จากใจของนักแสดงและทีมทำงานทั้งหมดรู้สึกว่าพวกเราทุกคนมีส่วนช่วยเหลือสังคมให้คนทำความดี ซึ่งเรารู้ดีว่าการแสดงชุดนี้เป็นการเสี่ยงต่อกฎของนรกแต่หากว่าการแสดงของพวกเราจะทำให้ผู้ชมได้รับรู้ว่าการทำกรรมจะส่งผลอย่างไรและหันมาทำความดีพวกเราก็ยินดีที่จะทำ เพราะว่าท่านพระยามัจจุราชได้สื่อสารกับ อ.เจนว่าสิ่งที่เจ้านำพาคนไปทำความดีนี้เราไม่เหนื่อยเลย เจ้าทำดีแล้ว
ทีมทำงานช่วยเหลือ  ในวันแสดงจริงทุกคนมาช่วยกัน คุณเป็กถ่ายทำวีดีโอ คุณภุชงค์ถ่ายกล้องภาพนิ่ง สำหรับ น้องเชน คุณมิตร เฮีย คุณสุดารัตน์ ช่วยเหลือนักแสดง จัดระเบียบ ดูแลการแต่งตัว ช่วยเหลือในทุกส่วนงาน หลังการแสดงหิวน้ำแทบตายค่ะ คุณสุดารัตน์ ยื่นน้ำมาให้เหมือนฟ้าประทานเชียวค่ะ เราทำงานกันเป็นทีมหากไม่มีทีมที่เข็มแข็งงานของ อ.เจน และด้วยแรงสนับสนุนของ อ.เจน และคุณรุ้งแล้วงานของเราก็เป็นไปด้วยยากลำบาก เพราะเราทำงานกันเป็นทีมเข้มแข็งค่ะ งานนี้สำเร็จได้เพราะทีมทุกคนล้วนมีหน้าที่และมีส่วนสำคัญอ.เจน พูดเสมอว่า เปรียบเหมือนกับการสร้างบ้านจะน็อตหรือตะปูไม่ได้บ้านจะไม่เป็นบ้านจะพังทลายลงมาค่ะดังนั้น ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับทุกส่วนงานที่ช่วยเหลืองานบุญของ อ.เจนมาในโอกาสนี้ค่ะ
มีเสียงมาบอกอ.เจน ว่าอย่างไรมาอ่านกัน  อ.เจน บอกว่าหลังจากการแสดงเปิดขุมนรกจบไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์  ก็ได้มีเสียงมาบอกว่าเจ้าน่ะทำความดีจนบารมีของเจ้าถึงแล้ว ทำไมถึงไม่อธิษฐานขอให้ได้ไปสวรรค์เพื่อจะได้ไปพบและนำมาสั่งสอนคนถ้าเจ้าพูดแต่เรื่องของกรรมผู้คนก็จะเกิดความกลัวและหดหู่ ซึ่ง อ.เจนก็บอกกับดิฉันว่า ต้องหาวันว่างที่จะไปอธิษฐานดังกล่าวค่ะ
หลังการแสดงจบเรื่องยังไม่จบ   ขากลับจากการแสดง ทุกคนหิวโหยกันมาก และเป็นวันใกล้วันเกิดของแม่ตี้ จำเป็นต้องเลี้ยงแม่ตี้ก่อนวันเกิดจริง ก็เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องเดินทางไปถือศีลที่จ.เชียงใหม่กันค่ะ  ตอนนั้นเวลาประมาณ 2ทุ่มแล้ว คุณเป็ก น้องเชน น้องเก่ง (ในร่างยมทูต สีแดง) เมื่อทั้ง 3 คน เดินเข้าไปในร้านอาหารขายข้าวต้มก่อน  ปรากฏว่า ผู้คนฮือฮามองตาม ๆ กัน  และก็มีเสียงของน้องพนักงานต้อนรับคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าตกใจหมดตอนแรกนึกว่าตัวเองได้เห็นคนยมฑูตเพียงเดียว ตกใจว่าท่านจะมาเกี่ยววิญญาณใครกัน เมื่อตะลึงอยู่พักใหญ่จึงหันไปดูสีหน้าของคนในร้านก็ได้เห็นว่าเขาให้ความสนใจกันทุกโต๊ะค่ะ และยิ่งตกใจมากไปยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อเปรตทั้ง 4 เดินเข้ามาสมทบกับท่านยมทูต พร้อมๆกับ อ.เจน ญาณทิพย์ ทำให้ เจ๊ ที่มาครั้งใดแกก็มีสีหน้าที่อมทุกข์ยิ้มแป้นดีใจมาขอถ่ายรูปด้วยซึ่งก็ทำให้พนักงานต่างก็พากันมาขอถ่ายรูปด้วยกันทั้งหมดและก็มีชายคนหนึ่งนั่งกินข้าวต้มอยู่ลุกขึ้นมาขอถ่ายรูปพร้อมกับขอท่าทางที่โหด ๆขอโหดแบบว่าให้ผีเปรตรุมสกรัมเอาอย่างนั้นเลยค่ะ เพื่อจะเอาไปให้ลูกชายดูค่ะ

หลังการแสดงจบเรื่องยังไม่จบ   ขากลับจากการแสดง ทุกคนหิวโหยกันมาก และเป็นวันใกล้วันเกิดของแม่ตี้ จำเป็นต้องเลี้ยงแม่ตี้ก่อนวันเกิดจริง ก็เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องเดินทางไปถือศีลที่จ.เชียงใหม่กันค่ะ  ตอนนั้นเวลาประมาณ 2ทุ่มแล้ว คุณเป็ก น้องเชน น้องเก่ง (ในร่างยมทูต สีแดง) เมื่อทั้ง 3 คน เดินเข้าไปในร้านอาหารขายข้าวต้มก่อน  ปรากฏว่า ผู้คนฮือฮามองตาม ๆ กัน  และก็มีเสียงของน้องพนักงานต้อนรับคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่าตกใจหมดตอนแรกนึกว่าตัวเองได้เห็นคนยมฑูตเพียงเดียว ตกใจว่าท่านจะมาเกี่ยววิญญาณใครกัน เมื่อตะลึงอยู่พักใหญ่จึงหันไปดูสีหน้าของคนในร้านก็ได้เห็นว่าเขาให้ความสนใจกันทุกโต๊ะค่ะ และยิ่งตกใจมากไปยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อเปรตทั้ง 4 เดินเข้ามาสมทบกับท่านยมทูต พร้อมๆกับ อ.เจน ญาณทิพย์ ทำให้ เจ๊ ที่มาครั้งใดแกก็มีสีหน้าที่อมทุกข์ยิ้มแป้นดีใจมาขอถ่ายรูปด้วยซึ่งก็ทำให้พนักงานต่างก็พากันมาขอถ่ายรูปด้วยกันทั้งหมดและก็มีชายคนหนึ่งนั่งกินข้าวต้มอยู่ลุกขึ้นมาขอถ่ายรูปพร้อมกับขอท่าทางที่โหด ๆขอโหดแบบว่าให้ผีเปรตรุมสกรัมเอาอย่างนั้นเลยค่ะ เพื่อจะเอาไปให้ลูกชายดูค่ะ



เรื่องไม่จบจริง ๆ ค่ะ ประมาณ 5 ทุ่ม แล้ว อ.เจน คิดว่าพรุ่งนี้เราจะขึ้นเหนือเราควรจะนำสิ่งแปลก ๆ ไปใส่บาตร ก็นึกถึง พวกซาลาเปาขนมจีบ  ซึ่ง อ.เจน บอกว่ามันดึกมากแล้วห้างฯ จะปิดแล้ว พี่จี๊ดนั่นแหละตามหนูไป ดิฉันคิดในใจ อ.เจนลืมไปปะค่ะ ดิฉันสภาพเปรตชัด ๆ ยามวิกาลอย่างนี้ เขาตกใจกันแย่ แต่มานึกอีกทีเช็คเรดติ้งดีกว่าเมื่อเดินตาม อ.เจน เข้าไป ก็ไม่มีใครเขาสังเกตว่าอะไร แต่เมื่อไปถึงจุดขายซาลาเปาขนมจับ ปรากฏว่าพนักงานวิ่งหนีหายไปเลยค่ะทำให้เราสองคนเดินวนเวียนหยิบข้าวของอยู่อย่างนั้น แล้วอยู่ ๆ พนักงานที่วิ่งหนีไป1 คน ก็มากับเพื่อนอีก 2 คน  ด้วยคำถามที่ค่อนข้างดังว่ามึงดูสิว่า เป็นคนหรือเป็นผี เพราะมากับ อ.เจน  คำตอบของเพื่อน ที่พูดเป็นเชิงตลกว่า มึงดูสิ เขาน่าสงสารออกจะตายที่ปากยังถูกเย็บไว้เลยมึง  
จบยาก  กลับมาบ้านเกือบเที่ยงคืนทุกคนต้องไปช่วยท่านยมทูตขัดล้างตัวให้สะอาดก็ทาสีกันซะแดงขนาดนั้น แล้วทุกคนก็ไปขัดล้างของตนเองนานค่ะกว่าจะล้างออกหมดนอนเกือบตี 2 เช้าตื่นอีกและเดินทางไปทำบุญกันค่ะเราเดินทางไปแสวงบุญที่พระพุทธบาท 4 รอย และทุกคนก็ได้ยินเสียงเปรตร้องอย่างโหยหวนซึ่งน้อง ๆ และคุณภุชงค์ก็ได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วจะเล่าให้ฟังในหัวข้อเรื่องการเดินทางไปพระพุทธบาท 4 รอย
ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่ทำผิดอีก ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ทำผิดผมจะขอทำตัวเองใหม่ให้เป็นคนดี นี่เป็นคำพูดของเปรตเด็กวัยรุ่นที่ตายไปแล้วมาสื่อสารกับ อ.เจนเมื่อผู้เป็นแม่มาเปิดกรรมที่บ้านของ อ.เจนผู้เป็นมาก็เพราะทุกข์ใจที่ลูกชายที่รักมากต้องมาตายในวัยที่น้อยมาก ผู้เป็นแม่เพียงต้องการมาถามอ.เจน ว่า ลูกที่ตายไป ได้กินอาหารที่แม่ทำบุญไปให้หรือไม่ ตายไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง  ภาพที่เห็นครั้งเด็กคนนี้ยังเป็นมนุษย์ก็คือด่าแม่ เป็นเด็กแว้น ขับมอเตอร์ไซด์ซิ่ง ใช้ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพาย อ.เจนภาพเด็กคนนี้ขับไปชนเสาไฟฟ้าตายคาที่ เป็นเพราะกรรมของผู้เป็นแม่ด้วยที่ไปทำแท้ง 2ครั้ง 2 ครา มีลูกสาวก็ทำแท้ง มีลูกชาย ก็พาผู้หญิงไปทำแท้ง สรุปทำแท้งกันทั้งบ้านซ้ำร้ายสมัยที่ผู้เป็นแม่อยู่ในวัยสาวก็เถียงพ่อแม่เถียงเป็นไฟซึ่งการตรวจกรรมในรั้งนั้น ลูกสาวก็มากับแม่ด้วยทุกคนร้องไห้กันหมดเพราะยอมรับความจริงที่อ.เจน พูดออกมาเป็นความจริงทั้งหมด แต่ทันใดนั้น วิญญาณลูกชายที่ตายไป  มายืนอยู่ข้างแม่ โดยสื่อสารกับ อ.เจน ด้วยคำพูดที่ว่าอยากจะกราบเท้าแม่เพื่อขอโทษ ตายไปแล้วไม่มีโอกาสจะได้กราบเท้าแม่เลย อ.เจนจึงบอกว่า ลูกชายมาขอกราบเท้า ผู้เป็นแม่ยิ่งร้องไห้สะเทือนใจ ลูกบอกว่าบุญที่แม่ให้ไปไม่ได้กินหิวมากซึ่ง อ.เจน บอกว่า ถ้าเป็นเปรตอยู่ในนรกขุมลึกบุญที่ทำได้ถึงเขาก็คือการเจริญภาวนาเท่านั้นเพราะเป็นบุญที่สูงมาก ก่อนจากลาคำพูดของเปรตชายผู้นี้พูดว่า ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่ทำผิดอีก ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ทำผิดผมจะขอทำตัวเองใหม่ให้เป็นคนดี  เมื่อพูดจบเด็กคนนี้ก็กลายรูปร่างเป็นเปรตปากจู๋ และมือก็ขยายใหญ่ขึ้น แล้วก็หายไปค่ะ



ข้อคิด ชีวิตนี้เราเลือกเกิดเองไม่ได้แต่เราสามารถทำตัวของเราให้ดีขึ้นมาได้ด้วยตัวของเราเอง แม้ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามสักเพียงใด แต่บางครั้งเราต้องฝืนและเปลี่ยนดวงชะตาของเราให้ผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ด้วยการสร้างบุญบารมี  ดั่งคำโบราณที่ว่าความลำบากสร้างคนนั้นเองค่ะ อ.เจน มักสอนเสมอว่า เราไม่รู้ว่าเราจะตายวันใดแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่เราต้องทำความดี ความตามอยู่กับเราทุกเมื่อทุกลมหายใจ  อย่าได้พร่ำบอกว่าไม่มีเวลาทำความดี ไม่มีเวลาสร้างบารมีหรือไม่มีเวลาเจริญภาวนา หากคุณยังมีลมหายใจอยู่  คุณก็ต้องมีเวลาทำความดี  ถ้าวันนี้ยังไม่ได้เริ่ม ก็ไม่มีวันต่อไปเพราะวันแรกยังไม่ได้เริ่มค่ะ  อ.เจนบอกว่า ไม่มีใครรู้เท่ากว่าคนที่ได้ไปเห็นมาแล้ว โลกหลังความตายสำหรับคนที่ทำกรรมผิดศีลนั้นทุกข์ยิ่งนัก



โปรดคอยติดตาม ชุดการแสดง เปิดขุมนรก ในยูทูปของ อ.เจนนะค่ะ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่า เปิดขุมนรก จะเปิดก่อนวัน ฮาโลวีน ที่จะถึงนี้ค่ะ
และในโอกาสต่อไป อ.เจนจะนำเสนอกิจกรรมการแสดงลงในยูทูปค่ะ

โพสต์นี้ยังมีเนื้อหาเพิ่มเติม

คุณจำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ ก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีบัญชีหรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาลงทะเบียน

x

แสดงความคิดเห็น

ว้าวววววววว ตื่นเต้นมากๆๆ ช่วงนั้น เปรตหลอนจริงๆๆครับ  โพสต์เมื่อ 2014-9-18 23:06

อัพเกรด  68.29%

11

กระทู้

522

โพสต์

3573

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
3573
ตื่นเต้น น่ากลัวจริงๆ กับผลจากการกระทำที่คาดไม่ถึง ดูจากภาพแล้วเสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ไปชมในวันนั้น แต่ก็ได้อ่านเบื้องหลังการเตรียมงานแสดงแล้ว ต้องขอชื่นชมและร่วมอนุโมทนาบุญ กับ อ.เจน  รวมทั้งผู้กำกับ นักแสดง และผู้สนับสนุนทุกๆท่านด้วยค่ะ ....สุดยอดมว้ากกกก

แสดงความคิดเห็น

ถ้าไปนะ จะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง อิอิ  โพสต์เมื่อ 2014-9-22 23:11

อัพเกรด  91.09%

5

กระทู้

1690

โพสต์

4599

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
4599
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย แจ็ค เมื่อ 2014-9-19 09:50

ิ" ขออนุโมทนาบุญ สาธุการ ด้วยนะครับ ... มีโอกาสได้อ่านเรื่องราว ที่พี่จี๊ดจ๊าดได้เขียนแล้วเช่นกัน สิ่งแรกที่ขอกล่าวคือ ทุกท่านตั้งใจจริง ทั้งเรื่องการนำเสนอเรื่องราว บทเพลงที่เลือกนำมาประกอบการแสดง ได้ความรู้สึกที่เป็นมิติแห่งนรก ชวนขนลุกได้มากทีเดียว ขอชื่นชม ... สิ่งที่ถ่ายทอดออกจากใจของอ.เจน ญาณทิพย์ มาเป็นผลงานการเขียนหนังสือ ที่เต็มไปด้วย สาระประโยชน์ ที่มีหลักคำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้รู้สัจจธรรม อันเที่ยงแท้ แห่งผลกรรม นำมาสู่การเวียนว่ายในสังสารวัฏ ... พร้อมเรื่องราว ที่มีทั้ง ความสนุก ความตื่นเต้น คละเคล้าความเวทนาสะเทือนใจ กับหลายเรื่องราวที่ อ.เจน ญาณทิพย์ หยิบยกมาเล่าในหนังสือเล่มนี้ ... รู้สึกยินดีและขอชื่นชมในความตั้งใจจริงของทุกท่านในครั้งนี้ อ.เจน ญาณทิพย์ พร้อมพี่รุ้งตะวัน ชนะศึก ได้มีทีมงานที่มีใจมุ่งมั่น ร่วมสร้างสรรค์ สิ่งที่ดีงาม จัดสรรเวลามาทำสิ่งที่ดีๆ เป็นกัลยามิตรที่ควรรักษาไว้ ... ในวันเปิดตัวผลงานการเขียนหนังสือของ อ.เจน ญาณทิพย์ หากแม้ผมจะไม่ได้ติดขอบเวที แต่ก็ยังได้ชมการแสดงของทีมงาน ได้เห็นถึงความตั้งใจจริง และทำได้ดีมากๆ น่าประทับใจ ... หากแม้ผมจะไม่ได้เข้าไปอย่างใกล้ชิดหรือเข้าไปพบหรือพูดคุยกับ อ.เจน ญาณทิพย์ ... แต่อย่างน้อย ก็ยังพอมีโอกาสที่ได้เห็นรอยยิ้ม ที่งดงามและมีความสุขใจของ อ.เจน ญาณทิพย์ และยังพอที่จะได้ฟังเสียง เสียงแห่งความดี เสียงที่มาจากชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย ... เป็นกำลังใจมอบให้นะครับ หากจักคงมีสักวันหนึ่งบ้าง ในวาระโอกาสอันเหมาะสม คงจะได้พบและร่วมเดินทางสร้างบุญกุศลร่วมกันกับ อ.เจน ญาณทิพย์ ในวาระงานบุญต่่างๆ บ้างเช่นกันนะครับ ... จะวินาทีใด ก็ขอให้พบแต่ความสุขในชีวิต เดินทางด้วยความระมัดระวังอย่างปลอดภัย ถนอมดูแลรักษาสุขภาพด้วย คุณพระคุ้มครอง "

อัพเกรด  18.24%

1

กระทู้

454

โพสต์

1321

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
1321
อนุโมทนา สาธุค่ะ ยินดีด้วยค่ะ งานเปิดตัวหนังสือของ อ.เจน ขอให้หนังสือขายดีเป็นเทนำ้เทท่า ทุกบาททุกสตางค์ อ.เจนต้องนำไปสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เพชรบูรณ์ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ และจะอุดหนุน   หนังสือค่ะ เห็นนักแสดงแต่งตัวเป็นผี เหมือนมากๆ น่ากลัวจริงๆ ถ้าไปเจอตอนกลางคืนที่มีป่าเปลี่ยว คงโกยอ้าวไม่เหลียวหลัง  หรือไม่ก็ช๊อคอยู่ตรงนั้น แหมน้องเก่งอดีตชาติเคยเป็นนายนิริยบาล ชาตินี้ยังเล่นเป็นนายนิริยบาลอีกนะคะ  เรียกว่าเล่นจากตัวจริงเมื่ออดีตชาติกันเลยทีเดียว คุณจี๊ดแต่งได้น่ากลัวเหมือนมาก ยิ่งน้องดา น้องเบิร์ด หลุดโลกไปเลย

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณมากนะครับ  โพสต์เมื่อ 2014-9-22 23:10

อัพเกรด  8.33%

0

กระทู้

76

โพสต์

225

เครดิต

Senior

Rank: 3Rank: 3

เครดิต
225
อนุโมทนาสาธุครับ จัดครบทุกเล่มครับ

อัพเกรด  89.89%

319

กระทู้

1821

โพสต์

4545

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
4545
อนุโมทนาค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ:

อัพเกรด  23.24%

0

กระทู้

314

โพสต์

1546

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
1546
เป็นกำลังใจให้อ.เจน และทีมงานทุกท่านค่ะ

อัพเกรด  12%

0

กระทู้

1

โพสต์

6

เครดิต

Beginner

Rank: 1

เครดิต
6
เมื่อวันเสาร์ซื้อ "ภารกิจ delete กรรม" มาอ่าน อ่านรวดเดียวจบ ทำให้อยากหาเล่มอื่นๆของคุณเจนมาอ่านอีก วันนี้จึงไปซื้อ "เรื่องลี้ลับที่อยากเล่า"มาอ่านอีก วันนี้ก็อ่านรวดเดียวจบเช่นกันค่ะ อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ อ่านแล้วทำให้ระลึกถึงนรกสวรรค์จากความกลัวการทำกรรมก็มีอยู่แล้ว วันนี้่ทวีมากขึ้นจากการสอนธรรมะของคุณเจน ขออนุโมทนาบุญกับคุณเจนและคณะด้วยนะคะ

อัพเกรด  4.51%

2

กระทู้

294

โพสต์

703

เครดิต

Master

Rank: 4

เครดิต
703
ขอให้หนังสือขายดี ครับอาจารย์เจน และขออนุโมทนาบุญกับการเสนอเรื่องราวประสบการดีๆ ที่แฝงข้อคิดธรรมะดีๆให้กับทุกคนที่สนใจครับ สาธุ

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับโพสต์นี้ได้ เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

รายชื่อผู้กระทำผิด|อุปกรณ์เคลื่อนที่|Archiver|อาจารย์เจน.com

GMT+7, 2024-5-19 03:47 , Processed in 0.104820 second(s), 21 queries .

Copy right © 2013 อาจารย์เจน.com.

Web Design By modifydiscuz.com

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้