| แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งตะวัน เมื่อ 2015-11-25 13:14 
 
 
 สวัสดีค่ะ 
      จี๊ดจ๊าดจะมาเล่าเรื่องการเดินทางไปเซอร์เวย์สำหรับทริปที่ 29 ที่เราจะเดินทางไปทำบุญกันใน วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2558 ขอบอกว่าไม่ไปไม่ได้ พลาดก็ไม่ได้อีก หนทางวิบากจริง ๆ  แนวผจญภัย “แอดเวนเจอร์” (Adventure) และขอตอกย้ำ คุณจะไม่คิดว่า ที่เมืองไทยจะมีวิวทิวทัศน์  สวยงามอย่างนี้ค่ะ ตลอดเส้นการเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ถนนคอนกรีตไปจนถึงถนนที่มีหินคลุกฝุ่น  ต่อจากนั้นก็ไปถึงถนนดินสีแดงฝุ่นกระจายไม่แพ้กันมากน้อยเท่าไหร่ก็เรียกง่าย ๆ ว่า  เดินทางจากตัวเมืองไปโผล่อีกทีก็พบว่าตนเองและเพื่อน ๆนั่งอยู่ในรถเพียงคันเดียว บนท้องถนนสายเปลี่ยว และเต็มไปด้วยธรรมชาติของขุนเขาเขียวขจี   เหลือบแหงนหน้าไกลออกไปอีกนิดนึงก็จะได้เห็นท้องฟ้าที่มีสีของฟ้าที่สว่างเป็นสีฟ้าชัดเจน ตัดด้วยปุยเมฆก้อนสีขาวและเมื่อมองไปที่สองข้างทางก็เป็นทุ่งหญ้าโล่งสบาย   มองดูแล้วเพลินตาเพลินใจเสียจริงค่ะ  มองธรรมชาติเพลินอยู่ดีดีรถก็นำพาเข้าไปในป่าไม้เบญจพรรณ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันค่ะเริ่มรู้สึกว่าถนนเส้นนี้มันช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายวิเวกวิเหวงโหวง  คือมีแต่พวกเรา  เข้าใจมั้ยค่ะอารมณ์ประมาณนั้นแหละค่ะ  จึงได้ทักท้วงถาม อ.เจน  ไปว่าอาจารย์นี่มันก็ไกลมากแล้ว และเปลี่ยวด้วย เราจะยังเดินทางต่อไปอีกหรือค่ะ   ที่เราจะเข้าไปน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนที่เราจะออกมานี่สิค่ะมันจะมืดตึดตื๋อชัวร์ค่ะ ขอบรรยายหน่อยนะค่ะ  เส้นการเดินทางที่ว่าเปลี่ยวนั้นมันเป็นอย่างไรคือถนนเริ่มแคบลง ๆ  สองข้างทางที่เป็นทุ่งโล่งกว้างมันก็กลายเป็นเริ่มมีต้นไม้นานาพรรณที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยวกัน แน่นหนาขึ้นเหมือนเข้าป่านั่นแหละค่ะ ผีเสื้อบินแหวกว่ายอยู่ในอากาศสีงี้สวยเชียวค่ะ  ผ่านจากป่าไม้เบญจพรรณก็มาถึงป่าไผ่ แหมกิ่งก้านมันพันกันโค้งเป็นซุ้มป่าเชียวค่ะ  นี่ยังไม่เท่าไหร่ คำถามคุณเคยเดินทางไปเมืองปาย ปะค่ะ  หรือพระบาท 4 รอยก็ ได้ นั่นนะน้อง ๆ ค่ะ ยังไม่พอ คุณจะได้นั่งรถผ่านลำธารเล็ก ๆ ด้วยค่ะ  นั่นย่อมหมายถึงยังมีน้ำตกหลบซ่อนอยู่กลางป่าอย่างแน่นอนเชียวค่ะ รถตู้  การเดินทางในครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยรถตู้ เพราะตลอดเส้นทางนั้นถนนคดเคี้ยวยังกับเส้นทาง วิบาก แต่พวกเราจะไปทำบุญกันนะค่ะ  คำถาม สู้มั้ย คำตอบ สู้ โว้......   สู้กับตนเองเพื่อไปทำบุญใหญ่กัน ใหญ่ยังไงจะเล่าให้ฟังค่ะ สำหรับการเดินทางไปกับรถตู้ ด้วยเส้นทางที่กล่าวมาแล้วนั้นไม่ต้องวิตกกังวลว่าเราจะไหน หรือต้องไหวสิค่ะ    ทีมงานจะดูแลเสมือนญาติค่ะ เราจะแจกยาแก้เมารถ  และเมื่อรู้แล้วอย่างนี้ จี๊ดขอนำเสนอ  อย่าลืมติดอาวุธประจำตัวไปด้วย คือ  ถุงพลาสติกเปล่า ๆ  1 ใบ  ยาดม  ยาอม  ยาหม่อง  เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเส้นทางมันแอดเวนเจอร์จริง ๆ ค่ะคราวนี้  ตามที่ อ.เจน แจ้งไว้แต่ตั้งต้นว่า ถ้าร่างกายไม่พร้อมขอให้รับทราบไว้ในเบื้องต้นว่า  คุณสามารถนั่งรอเพื่อน ๆระหว่างที่เขาเดินไปชื่นชมธรรมชาติก็ได้ค่ะ ซึ่งเราก็สามารถ ที่จะนั่งชื่นชมกับบรรยากาศโดยรอบบริเวณนั้นได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้เดินไปผจญภัยกับคณะบุญเท่านั้นค่ะ   แต่เมื่อถึงเวลาของการทำบุญไม่ต้องห่วงใยอะไรเพราะว่ารถตู้เข้าถึงตัววัดสะดวกค่ะ   
  
 
 การเตือนเตรียมความพร้อมที่ได้แจ้งไว้แล้วล่วงหน้าแล้วนั้นมิใช่ข่มขู่ให้กลัวอะไรนะค่ะ   แต่ว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกันอีกเราพี่น้องกันต้องบอกกล่าวค่ะเพื่อเป็นการเตือนล่วงหน้า เพื่อการตัดสินใจในเบื้องต้น แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไรอย่างที่คิดนะคะ  ถ้าคุณคิดว่าไหวเราก็ไปด้วยกัน  แต่คิดว่าโอ้ยไม่ไหว กลัวที่มืด กลัวที่แคบ กลัวการเดินไกล ๆ อะไรแบบนี้คุณก็สามารถที่ จะตัดสินใจอยู่กับที่ “อู้ย อยู่ที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนเขาก็กลับมากัน”แต่ถ้าคุณไหวเราก็จะเดินไปด้วยกัน ได้ค่ะ รับรองปลอดภัย 100% ทีมงานคอยดูแลตลอดเส้นทางนะค่ะ   ทุกท่านที่ไปจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่สุดหาได้ยากที่กรุงเทพมหานคร   เพราะที่นี่เป็นเป็นป่าสมบูรณ์  พวกเราจะลงจากรถเพื่อ เดิน เดิน เดิน และ  เดินถ้าใครไม่ไหวก็ยกธงขาวนั่งรอเพื่อนได้นะค่ะ                          
  
 
 ไม่มีสัญญาณมีแต่วิญญาณ  ล้อเล่นค่ะ บรรยากาศในป่าลึก เปลี่ยว และเงียบสงบอย่างนี้ไม่มีสัญญาณค่ะ มีแต่วิญญาณ แค่คิดในใจค่ะ  ตอนเดินทางเข้าไปก็ไม่มีรถมีแต่เราคันเดียวตอนที่เดินทางกลับออกมา ก็ไม่มีใครมีแต่รถของเราคันเดียว  มันมืดบอดสนิท มองไม่เห็นทาง   เห็นเพียงเส้นทางตรงหน้าที่ไฟหน้ารถส่องอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น ขับไปก็ไม่รู้ว่าไปทางไหนกว่าจะ ออกมาได้หลงอยู่พักใหญ่ค่ะ  ไม่ต้องห่วงนะค่ะวันที่เราเดินทางไปกันเรามีเพื่อนๆ ตั้งเยอะและรู้เส้นทางแล้วค่ะ  คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนกลับบ้านได้ 
 ปอบผีฟ้า  เมื่อเข้าในป่าลึกเข้า ๆ หาทางออกไม่เจอค่ะ  จึงมองหาชาวบ้านเพื่อจะถามทาง  ถามใครดีล่ะก็มองไม่เห็นใคร มีป้าคนหนึ่ง เดินดุ่มดุ่มอยู่ขวามือคุณมิตรจอดรถทันทีเปิดกระจกรถ  ถามคุณป้าครับ พวกเรามองคุณป้าเป็นตาเดียวกันหมดไม่เว้นแม้อ.เจน คุณป้าเกล้าผมมวย  ใส่เสื้อคอกระเช้า ผ้าถุงเก่าๆ และที่หลอนมากที่สุดก็คุณป้าแกเคี้ยวหมากปากแดงเชียว  เมื่อถามเส้นทางป้า แกก็ชี้มือบอกสัญลักษณ์ว่าให้ไปตามทางข้างหน้า คือไม่ค่อยรู้เรื่องกับแกหรอกแต่ไปไปเถอะเดี๋ยวก็มีทางออกเองแหละจะอะไรซะอีกล่ะ  หลงไงค่ะ เมื่อปิดรถแล้ว ทั้ง อ.เจนและคุณรุ้ง ก็พูดพร้อม ๆ กันว่าคุณป้าเป็นปอบผีฟ้า  และพวกเราได้เข้ามาในหมู่บ้านปอบผีฟ้า และคนที่เราคุยด้วยนั้นของจริงปอบผีฟ้าขอบคุณค่ะ อ.เจน  ที่เพิ่งมาบอกหุหุ ปล่อยให้มองคุณป้าด้วยความหลอนอยู่นานค่ะ  เมื่อด้นจากคุณป้า ก็ร้องเพลงกันเลย ผีฟ้าเอยเจ้างามโสภา..... ทำบุญ 2 วัด  วัดที่ 1    จี๊ดเดินลงไปจากรถก็ได้รับรู้ว่าที่นี่ช่างเงียบสงบไม่มีอะไรเลยมีภูเขาเห็นอยู่ไกล ๆ  มีม้ายืนอยู่ใต้ต้นไม้ 1 ตัว สีน้ำตาลเข้ม เจ้าอาวาสท่านแจ้งว่าเป็นเชื้อพยาธิเจ็บป่วยอยู่ ส่วนอีก 2 ตัว  สีน้ำตาลกับ สีขาว วิ่งเล่นกันอยู่บนลานโล่งของวัด เจ้าอาวาสท่านพูดว่า  ม้าพวกนี้ไม่ได้กินหญ้าแต่กินอาหารเม็ดค่ะ ท่านเจ้าอาวาสจะทำการก่อสร้างเพิ่มเติมศาลาเอนกประสงค์  และโบสถ์ พร้อม ๆ  กันซึ่งกำลังจะเสร็จสมบูรณ์ยังขาดปัจจัยเพิ่มเติมค่ะ เมื่อ อ.เจน รับทราบแล้วจึงแจ้งแก่ท่านไป ว่าจะนำพาคนมาทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมาก ทำให้ท่านต้องถามว่าเราเป็นใครมาจากไหนเล่นเอา  อ.เจนตอบไม่ถูกและไม่ต้องการตอบเพราะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเข้าใจค่ะ สำหรับวัดในเขตชนบท ไม่ค่อยมีใครมาทำบุญและยังอยู่ลึกลับเสียขนาดนั้นก็ต้องตกใจค่ะที่จะมีผู้คนมากันเป็นร้อยค่ะ  ปลื้มใจนะค่ะ เพราะพวกเราจะได้ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี ร่วมสร้างศาลาอเนกประสงค์  และโบสถ์ ที่ยังสร้างไม่เสร็จก็เท่ากับว่าเราเป็นตัวโปะตัวเติมให้เต็ม ที่เขาเรียกว่าต่อยอดค่ะ นอกจากนี้พวกเรายังได้ปลูกพืชสมุนไพรนานาชนิดเหมือนกับที่ได้เคยช่วยกันมาคงสนุกแน่ค่ะ  และยังได้ทำทานอาหาร กับม้าด้วยค่ะท่านจะได้ชมม้าตัวเป็น ๆ ใกล้ ๆ ด้วยค่ะ ผ้าป่า คือผ้าที่ผู้ถวายนำไปวางพาดไว้บนกิ่งไม้เพื่อให้พระชักเอาไปเองโดยไม่กล่าว คำถวายหรือประเคนเหมือนถวายของทั่วไปกริยาที่พระหยิบผ้าไปใช้แบบนั้น เรียกว่า "ชักผ้าป่า" ส่วนการถวายผ้าป่านิยมจัดของใช้เป็นบริวารผ้าป่าเหมือนบริวารกฐินเรียกว่า"ทอดผ้าป่า" มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบุญทอดผ้าป่าฯค่ะ  มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ อ.เจน ได้นำพาคณะเสบียงสวรรค์ถวายสังฆทานในระหว่างจะเริ่มกล่าวคำอยู่นั้น เทวดาก็มาพูดที่ข้างหูให้ได้ยินในหูทิพย์ว่า ให้พูดทอดผ้าป่าแทนถวายสังฆทานได้อานิสงส์บุญมาก เนื่องจากมีผ้าไตรจีวรอยู่ที่เบื้องหน้าพอดีด้วย ดังนั้น คำกล่าวของอ.เจน จึงเปลี่ยนทันทีเป็นทอดผ้าป่าฯ อ.เจน เล่าให้ฟังค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ อ.เจนจะรู้ได้มั้ยค่ะว่า สิ่งใดที่ดีกว่าและทำสิ่งใดถึงจะดีกว่า จี๊ดเชื่อว่าเทวดาท่านก็อยากได้บุญใหญ่กว่านั่นแหละค่ะ วัดที่ 2    การเดินทางจากวัดที่ 1 ไปวัดที่ 2ไม่ง่ายอย่างที่คิดค่ะตามที่บอกไว้แต่ต้น  จากถนนคอนกรีตไปจนถึงถนนลูกรังสีแดงจากทุ่งโล่งกว้างจนถึงเข้าไปอยู่กลางป่า  แต่เมื่อทุกท่านลงจากรถก็ได้รับรู้ว่าที่นี่ช่างเงียบสงบจริงหนอ  เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมจริง หนอคุณจะดื่มด่ำกับธรรมชาติเป็นที่สุดค่ะ ได้พบกับเจ้าอาวาส ท่านอยู่อย่างสมถะที่วัดนี้มีพระอยู่ไม่มาก และมีแม่ชีอยู่ทำอาหารให้พระฉันเพราะวัด อยู่ห่างไกลจากชุมชนหมู่บ้านมากจากการที่ได้สอบถามของพวกเราด้วยความสงสัยจึงทราบว่า  พระท่านจะบิณฑบาตด้วยการเดินทางเท้ามี 2 เส้นทาง คือเดินผ่านล่องเขาไป และเส้นทางถนน ที่พวกเราเข้ามาซึ่งขอบอกว่าสุดแสนจะไกลค่ะ พระท่านมีความ มานะ อดทน  วิริยะ  อุตสาหะเป็นอย่างมากถึงจะอยู่ได้ที่วัดแห่งนี้ได้ เจ้าอาวาสท่านพูดว่า การบิณฑบาตรต้องเดินข้ามเขา  หรือเดินตามเส้นทางถนนไกลมาก ต่อมามีผู้บริจาคอาหารบ้างก็จะมีแม่ชีประกอบอาหาร ให้พระได้ฉัน และบางครั้งก็มีฆราวาสมาใส่บาตรที่วัด สมัยก่อนลำบากมาก  แต่เป็นผลดีที่ว่าพระสงฆ์จะได้มีเวลาปฏิบัติธรรมไม่เสียเวลาในการเดินทางข้ามเขาหรือทางเท้า   หลวงพ่อท่านถามว่ามาจากไหนกัน อ.เจน ตอบว่ามาจากกรุงเทพฯ ท่านก็เลยพูดว่าเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว อาตมาก็ไปกรุงเทพฯ  อ.เจนจึงสอบถามว่าที่วัดแห่งนี้ยังขาดอะไรบ้าง  โยมจะพาคนมาทำบุญประมาณ 300 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น หลวงพ่อจึงถามว่า นี่กลุ่มบุญอะไรหรือ ?   อ.เจน จึงตอบว่ากลุ่มบุญเสบียงสวรรค์ค่ะท่าน หลวงพ่อท่านอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะพูด ขึ้นมาอีกว่าทำกันอย่างไรละโยมถึงมีเพื่อนฝูงมาร่วมทำบุญกันมากมายขนาดนั้น   พวกเราก็ยิ้มกันเพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามหลวงพ่อท่านอย่างไรดีค่ะ ว่าที่ผ่านมา อ.เจน ทำกันอย่างไร หลวงพ่อท่านได้ทราบเจตนาของอ.เจน แล้ว จึงพูดว่าที่วัดนี้มีเพียงศาลาหลังเล็ก ๆ อย่างนี้   ความประสงค์คิดจะสร้างกุฏิสงฆ์ สัก 1 หลังแต่ต้องทำเรื่องที่สำคัญกว่าก่อนนั้นคือ  ไฟฟ้า ที่วัดนี้มีไฟฟ้าแรงวัตต์น้อยมากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน  จึงคิดว่าจะใช้ไฟฟ้าโซล่าเซลราคาค่างวดค่อนข้างแพงสักหน่อยแต่สามารถช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้าของวัดมาก  เนื่องจากทางวัดไม่มีผู้ใดมาเท่าใดนักนอกจากพวกชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลอ.เจน จึงถามว่า  แพงอย่างไรค่ะท่าน ท่านจึงพูดว่า ได้เคยไปถามเค้ามา  แผงไฟโซล่าเซล  ราคาแผงละ 300 วัตต์ แผ่นละประมาณ 6,000 กว่าบาท ครบชุดประมาณ 60,000 บาท   แหมได้ฟังอย่างนั้นจี๊ดก็นึกถึงแต่ใบหน้าของผู้ร่วมบุญทุกท่านที่พวกเราได้ไปร่วมสร้างทานบารมีที่สำเร็จ ลุล่วงไปด้วยดีจึงเชื่อว่าทุกท่านคงจะมาช่วยเหลือกันในส่วนนี้ก็นึกดีใจแทนหลวงพ่อไปแล้ว  ดีใจมากๆ ค่ะ ว่าต้องได้ต้องได้ และได้หลายชุดด้วย ดีใจ ปิติสุขไปก่อนแล้ว  เพื่อเชื่อมั่นในบุญของทุกท่าน เผลอๆ ยังจะได้กุฏิพระสงฆ์หลังเล็ก ๆ อีกด้วยค่ะ  คือจากที่ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ก็รู้สึกสงสารพระท่านมากค่ะ จากที่ได้เห็นและได้สัมผัสวันที่เดินทางมาก็แย่แล้วค่ะเพราะมีฝูงยุงยักษ์มันขึ้นมาจากแหล่งน้ำตก และในป่าใหญ่ค่ะซึ่งไม่แน่ว่าจะมียุงไข้มาลาเรียด้วยหรือไม่ เผลอ ๆ จะเป็นไข้ป่ากันอีกรวมทั้งงูเงี้ยวเขี้ยวขอ  อีกล่ะเพราะเข้าใจได้เลยว่าหลวงพ่อท่านนอนในศาลาการเปรียญนี้แน่ค่ะ ที่กล้าพูดได้อย่างนั้นก็เพราะศาลาฯนี้ตั้งอยู่กลางป่า มีภูเขาล้อมรอบ ถัดจากศาลาฯออกไปเป็น ป่าไม้เบญจพรรณหลายสายพันธุ์มีทั้งต้นไม้ใหญ่น้อยมืดทึบเต็มไปหมดและลึกเข้าไป กว่านั้นขอบอกตรงๆ ว่า เป็นป่าสมบูรณ์ค่ะ  ตอนที่พวกเราพูดคุยอยู่กับหลวงพ่อท่านนั้นบรรยากาศ มืดมาก เวลานั้นพลบค่ำมากแล้วประมาณหนึ่งทุ่ม เจ้ากรรมแท้ ๆ ค่ะ ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นทุกคน ในที่นั้นก็ต้องสะดุ้งกันจนสุดตัวทุกคนโดนเหมือนกัน คือ นั่งสะดุ้งกันโหยงเหยง ก็จะอะไรซะอีก  มันเป็นยุงยักษ์ยุงป่า แน่ ๆ ตัวใหญ่เบ้อเร้อเลยค่ะ กัดเจ็บมาก พระท่านก็เห็นอาการของพวกเราท่านจึงบอกว่า  ยุงชุกชุมโยม ตัวของท่านเองก็ยังมีผ้าคอยปัดยุง คุยกันไปปัดป้องกันไปค่ะ   วัดแห่งนี้อยู่แบบสมถะมีเท่าไหร่ใช้เท่านั้นจึงมีเพียงศาลาเอนกประสงค์หลังเล็ก ๆ  เพื่อใช้ประกอบกิจของสงฆ์  มีไฟฟ้าใช้แต่ต้องใช้อย่างประหยัดกำลังแรงวัตต์ของไฟฟ้าไม่เพียงพอค่ะ   นี่ถ้าได้ไฟฟ้าโซล่าเซลจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องการชำระเงินค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตามนะค่ะขอบอกว่า ทุกท่านอย่าได้พลาดทริปทัวร์นี้เด็ดขาดและขอให้ร่วมด้วยช่วยกันโดย เฉพาะวัดที่ 2 ยังขาดปัจจัยอีกมากค่ะไปเห็นแล้วสงสารอยากให้พระสงฆ์ท่านอยู่กันอย่าง สะดวกสบายกว่านี้พวกเราก็จะได้อานิสงส์บุญร่วมกันด้วยค่ะไม่ว่าจะไปเกิดภพใดชาติใด พวกเราก็จะได้เกิดอยู่ในบวรพระพุทธศาสนา ซึ่งจี๊ดรู้จากอ.เจน ว่า ตามที่พระพุทธองค์ท่าน ได้ค้นพบหนทางพ้นทุกข์นั้นเป็นที่สุดแล้วค่ะและการทำบุญกุศล ท่านย่อมเป็นผู้ได้อย่างแท้จริงค่ะ  พวกเราจะได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยกันจะได้มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมและที่แน่  ๆ พวกเรายังไม่เคยร่วมสร้างไฟโซล่าเซลไม่ว่าภพใดชาติใด พวกเราคงมีผิวพรรณวรรณะผ่องใสเป็นผู้ที่มีบุญบารมีมากค่ะ จี๊ดขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านผู้บริจาคและผู้ร่วมเดินทางไปทำบุญด้วยกันทุกท่านเทอญ   ในการร่วมกันสร้างทานบารมีกับทริปบุญเสบียงสวรรค์ครั้งที่ 29 อาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน 2558 แล้วพบกันนะค่ะ 
 จี๊ดจ๊าด 
 |