|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ChuenjitDol@FB เมื่อ 2015-1-28 14:44
กราบโมทนาบุญกับทุกๆรูปธรรมที่มีส่วนในบุญใหญ่ครั้งนี้....บุญที่หนึ่ง.....วัดป่าอัมพวันสาขาหลวงพ่อชา#42...ทำให้ระลึกถึงวัตรปฎิบัติพระสงฆ์ในยุคพุทธกาล ครั้งพระพุทธองค์ทรงพระชนม์ชีพ มีพระอานนท์เป็นพระอุปัฎฐาก ได้ปรนนิบัติวัตถากพระพุทธองค์ ดั่งภาพที่เห็นวัตรปฎิบัตินี้เมื่อพระท่านฉันเรียบร้อย พระอุปัฎฐากก็มาดูแลเฉกเช่นครั้งอดีต เกิดปิติน้ำตาไหล...ว่าเราได้หลงในวัฎฎะอันเป็นที่น่าสงสารมานานจวบจน ทุกวันนี้ ภาพสะท้อนว่าหากช้าและไม่เตือนสติตนเอง คิดดี ทำดี ปรารถนาดี แล้วจะหลงทางไปไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นความเงียบก็สอนอีกว่า ความสุขใดเท่าความ"สงบ"ไม่มี สาธุ บุญที่สอง การบำเพ็ญกิจเพื่อธำรงค์พระพุทธศาสนาให้มีอายุสืบต่อตราบเท่าที่ พระพุทธองค์ทำนายไว้ จะนานเท่าไรไม่มีประมาณ เราเองจะตายเกิดอีกกี่ภพกี่ชาติ ก็ไม่กลัวแล้ว เพราะเราพบกัลยาณมิตรแล้ว พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า...คือแสงรุ่งอรุณแห่งนิพพาน การเจอผู้นำผู้พาทำบุญให้ถูกต้องตรงจริง เปรียบดั่งแสงเงินแสงทองของรุ่นเช้านั้นเอง กัลยาณมิตรไม่ใช่จะเจอง่ายๆ เจอแล้วก็ขอโมทนาบุญทุกท่านอีกครั้ง สาธุ
ปล. บุญที่เกิดขึ้นก่อนทั้ง 2 บุญเหมือนธรรมะจัดสรรคือการให้อาหารปลา ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าหากผิดก็ขอรับผิดชอบคำพูดนะคะ "ได้มีโอกาสนั่งให้อาหารปลาข้างคุณแม่พี่รุ้งกับอาจารย์เจน แม่ตี้และเพื่อน มาให้อาหารปลาใกล้ๆ ท่านก็บอกสอนการทำบุญโดยไม่ได้เจาะจงว่าบอกใคร...แต่สิ่งที่เห็นคือ เต่าน้อยๆ เกาะริมตลิ่งมานานซึ่งตนเองแลไม่เห็นเลย พอแม่ตี้มาจึงเหลือบเห็น เหมือนเขารู้และมาโมทนาบุญกุศลจากคุณแม่พี่รุ้งและอาจารย์เจนฯ ในการทำทานครั้งคราวนี้ เขาหลงเกิดเป็นสัตว์ไม่สามารถทำอะไรได้ เหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นเรื่องปิติใจเฉพาะตัวเฉพาะตนที่อยากเล่า"ขออภัยที่กล่าวนามคุณแม่มา ณ ที่นี้ ทั้งหมดทั้งมวล สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ทั้ง 3 กาล นะเจ้าคะ |
|