สวัสดีค่ะ
จี๊ดจ๊าดแอบมาเล่าค่ะ รู้ว่ามีคนรอคอยฟังเรื่องเล่าหลังทริปงานบุญ ก็อยากจะเล่ามากๆค่ะ แต่ว่างานเข้าช่วงนี้ค่ะจนตอนนี้ดวงตาของดิฉัน เป็นนกฮูกแล้วตอนนี้เหมือนโดนแดรก คูล่าดูดเลือดหมดตัวนั่นแหละค่ะ จนไม่อยากจะมองกระจกสักเท่าไหร่ค่ะตอนนี้เดินผ่าน กระจกบานใหญ่ต้องตกใจทุกที นึกว่าตัวเองเป็น ผ. สระ อี ค่ะ บอกตง ก่อนอื่นใดดิฉันต้องโกยบุญก่อนค่ะ ดิฉัน ขออนุโมทนาบุญกับ อ.เจน คุณรุ้งตะวัน ทีมงานทุกคน รวมถึงท่านผู้บริจาคทั้งที่ ไม่ได้ไปงานบุญและท่านผู้บริจาคที่ได้มาร่วมงานบุญทริป 17 ครั้งนี้ค่ะ บางท่านอาจจะไม่ทราบแต่ อ.เจน สอนไว้เสมอว่า บุญจากการอนุโมทนาบุญกับ ผู้ทำความดีไม่ว่าจะบุญใดเราก็ได้ด้วยค่ะแม้จะได้ไม่เท่ากับผู้ลงทุนบุญแต่ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ค่ะ พูดถึงความประทับใจ ดิฉันสุขใจและประทับใจทุกครั้งที่งานบุญนั้นสำเร็จค่ะ เพราะดิฉันเชื่อเสมอว่าการทำความดีและการทำความชั่วนั้นฟ้าดินอินทร์พหรม เห็นค่ะปกปิดไม่ได้อย่างแน่นอนจากการที่ดิฉันติดตาม อ.เจนมาโดยตลอดเข้าใจเรื่องนี้ดีมากค่ะ สัมภาษณ์ อ.เจน แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ วัดแรก วัดสระเกษ(หลวงพ่อโต๊ะ) จ.อ่างทอง วัดนี้กำลังสร้างพลับพลาที่ประทับ ขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในวันนั้นท่านผู้มีจิตศรัทธาในบุญนี้ก็ได้ร่วม ปัจจัยเงินเป็นจำนวน 115,116.75 บาท โอ้ย ตอนนับเงินครั้งแรก ได้ 6 หมื่นบาท ก็ดีแล้วต่อยอดกันไปต่อยอดกันมาจนได้เป็นแสนบาท ดิฉันดีใจจนเนื้อเต้นค่ะ ยินดีแทนทางวัด ยินดีแทนทุกท่านผู้ใจบุญทั้งหลายที่ได้สร้างบุญเป็น สาธารณะประโยชน์ใช้ร่วมกันค่ะ อ.เจนเคยพูดเสมอว่า บุญที่เป็นสาธารณะประโยชน์ให้ผู้คนได้ใช้ร่วมกัน อย่างเช่นสร้างพลับพลาให้องค์สมเด็จพระนเรศวรครั้งนี้ ได้บุญอย่างไรเมื่อ ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้บูชาพระองค์ท่านเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ ท่านที่ได้ปกป้องชาติบ้านเมืองเอาไว้เพื่อให้คนไทยได้มีอิสระไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร ซึ่งเป็นคุณงามความดีที่คนไทยไม่เคยลืมก็จะได้แวะเวียนมาทำบุญให้กับทางวัด เพื่อสร้างบุญกุศลสืบต่อไปอีกค่ะ ความประทับใจ ดิฉันประทับใจมากค่ะ ที่ดิฉันและทุกท่านได้มีส่วนช่วยเหลือ พระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไปนอกจากนี้ ในวันนั้นพวกเรายังได้ถวายมหาสังฆทาน ร่วมกันอีกด้วยพวกเราร่วมบุญกันไม่ใช่น้ำหยดเดียวแต่เป็นหยดน้ำหลายหยด ไหลมารวมกันเป็นคลื่นสึนามิจำคำอาจารย์มาพูดค่ะ ดังนั้น ดิฉันเชื่อว่าทุกท่านต้องอิ่มบุญกลับไปจนถึงบ้านแน่แน่เลยเชียวค่ะ วัดที่สอง วัดทำนบ จ.อ่างทอง วัดนี้ อ.เจน มาตามที่เทวดาและสิ่งศักดิ์ท่านนำพา มาจนถึงวัดแห่งนี้ อ.เจน กับคุณรุ้งเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นมากเมื่อครั้งที่ได้มาถึงวัดนี้ ดิฉันจำได้ว่าในวันนั้นดิฉันนั่งทำงานอยู่ คุณรุ้ง ก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้อยู่ที่วัดเขาสร้างหลวงปู่เดิมองค์ใหญ่ให้ดิฉันทำสมาธิระลึกถึงหลวงปู่เดิม ท่านศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ แม้ว่าวัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดของหลวงปู่เดิมแต่ก็สามารถระลึก ถึงและสื่อถึงบารมีของท่านได้ค่ะ เจ้าอาวาสท่านเล่าให้อ.เจน ฟังว่า วัดนี้ได้นำต้นเสาไม้เก้าแก่ที่เป็นต้นเสา ของโบสถ์ 9 ต้น มาเก็บไว้ที่วัดนี้รวมทั้งเก็บต้นไม้ตะเคียนต้นเบ้อเริ่มจำนวน หลายต้น มาเก็บไว้ที่วัดนี้ด้วยค่ะ ซึ่งเรื่องต้นไม้ตะเคียนนี้ดิฉันไม่รู้เรื่องนี้มา ก่อนค่ะแต่ อ.เจน รู้แล้วรู้ได้อย่างไรดิฉันจะเล่าให้ฟังตอนท้ายค่ะ ...หลอนดีมั้ยค่ะ ถ้าท่านได้เดินทางวัดนี้ในยามวิกาลค่ะ ดิฉันรู้เรื่องต้นไม้ตะเคียนในวันที่เดินทางไปถึงวัดก็ตอนที่รถบัส เบอร์ 2 ของดิฉัน วิ่งผ่านเข้าประตูวัดมานี่แหละค่ะ ดิฉันเห็นทางด้านขวามือเป็นต้นไม้ที่ดิฉันคุ้นเคย เป็นอย่างมากไม่มีใครบอกดิฉันก็รู้ได้ค่ะว่านั่นคือต้นไม้ชนิดใด 555 แม่นแล้ว บ่ ผิดดอก ต้นตะเคียนต้นเบ้อเริ่มกองอยู่บานเชียวค่ะ ประมาณเกือบ 10 ต้น คำนวณดูจากสายตาค่ะ ถ้าใครเป็นคนช่างสังเกตอยู่สักหน่อยนะค่ะก็จะเห็นได้อยู่ทางขวามือค่ะอ้อ ก็มีผ้าสามสีสามศอกผูกห้อยอยู่สามสีแบบเบา ๆ ไม่มีใครสนใจเหมือนกองไม้กองหนึ่งค่ะ ด้วยภาระหน้าที่ของอาจารย์ทั้งสองอ.เจน และ คุณรุ้ง จะต้องแบกรับไว้ใน ช่วงนี้ก็จะเป็นเดินทางขึ้น-ลงกรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ ไปหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ ตกแต่งก่อสร้างเรือนรับรองและกำแพงและเสาโรมันและ ฯลฯ ไหนยังจะเรื่อง การสั่งทำประตูบานใหญ่อลังการงานสร้างจริงๆ ค่ะ สำหรับประตูด้านหน้าของ เรือนรับรองเป็นไม้เนื้อแข็งอย่างดีเลือกที่ปลวกไม่กินค่ะ ดังนั้น ก็จะต้องเดิน ทางไปดูแล กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี ต้องในใจในรายละเอียดทุกเรื่องช่วงนี้ ถ้าอาจารย์ผิวดำคล้ำไปมากก็ไม่ต้องถามนะค่ะตากแดดตากลมมาค่ะ ภาระหน้าที่ของอาจารย์ยังไม่จบง่ายๆ ด้วยขณะนี้ รายการ Week Night Show ของ เวิร์คพ้อยช่อง 1 กำลังมาแรง อ.เจน ตรวจเปิดกรรมสดในรายการทีวี ทุกวันอังคาร และวันพุธ เวลา10.00 น. อย่าลืมติดตามดูนะค่ะ ดิฉันว่า รายการนี้มีสาระสำคัญที่ชวนให้ติดตามเป็นเรื่องของกรรมที่ได้กระทำมาทั้ง ในอดีตชาติและชาติปัจจุบันจึงขอเชียร์และสนับสนุนค่ะ เมื่อคนดูแล้วมีภูมิธรรม ก็จะเข้าใจง่ายแต่คนที่ภูมิธรรมน้อยดูบ่อยๆก็จะเข้าใจไปเองและสามารถนำไป ปรับใช้กับชีวิตของตนเองได้หากเรื่องนั้น ๆไปโดนใจในชีวิตของท่านผู้รับชมค่ะ ยังไม่พอ อ.เจน ต้องช่วยเหลือคนตรวจกรรมฟรีที่บ้านอีกโทรจองทุกวันที่ 3 และงานบุญประจำทุกเดือนของ อ.เจนที่ต้องจัดกิจกรรมดีดีให้กับทุกท่านอีกด้วยค่ะ ดิฉันเคยถามว่าอาจารย์เหนื่อยมั้ย อาจารย์บอกว่าเหนื่อยไม่ได้ค่ะ บางครั้งเหนื่อยแต่ไม่ท้อค่ะอาจารย์ว่าอย่างนั้น อาจารย์ไปไหนคุณรุ้งก็ต้องติดตาม ไปด้วยต้องไปช่วยเหลือดูแลกันเพราะสังคมอันเลวร้ายนี้ อ.เจน บอกว่า หนูต้องมองเป็นธรรมมะกับโลกมายาที่ได้ไปพบเจอค่ะดีที่มีพี่รุ้งคอยช่วย เหลือหนูตลอด ดิฉันฟังแล้วก็อดสงสารไม่ได้ค่ะรู้ว่าเหนื่อยกันทั้งสองท่านนั้นแหละค่ะ ดังนั้นอาจารย์ทั้งสอง จึงไม่ได้เล่าเรื่องราวของวัดแห่งนี้ให้ฟังเลยค่ะ ได้รู้พร้อมๆกันในวันประชุมทีมงานว่า ทางวัดกำลังก่อสร้างรูปเหมือน หลวงปู่เดิมองค์ใหญ่ โดยทางวัดมีวัตถุประสงค์จัดจำหน่ายให้เช่ารูป เหมือนหลวงปู่เดิมองค์เล็กในราคาองค์ละ 399 บาท สลักชื่อและนำไปประดิษฐาน อยู่ใต้ฐานหลวงปู่เดิม จำนวน 84,000องค์ ในวันนั้นดิฉันเห็นเค้ายืนต่อแถวลงชื่อกันนับร้อยคน จนทำให้เจ้าหน้าที่ของ วัดรับเงินไม่ทันคุณรุ้ง ต้องวิ่งเข้าไปช่วยนี่ก็เป็นภาพความประทับใจที่ทุกท่าน ร่วมกันสร้างวิหารทานสร้างบุญบารมีสะสมเป็นเสบียงบุญไปในภายภาคหน้าค่ะ ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับเงินปัจจัยร่วมสร้างหลวงปู่เดิมองค์ใหญ่เป็นเงิน 74,992.00 บาท นี่ยังไม่ได้นับรวมกับที่ทุกท่านได้เช่าหลวงปู่เดิมองค์เล็กนับร้อยองค์ในวันงานด้วยนะค่ะ หลวงปู่เดิมยิ้ม ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เห็นภาพก่อนนะค่ะที่บริเวณ ด้านหน้าของศาลาอเนกประสงค์จะมีแท่นไม้ยกสูง (ที่พระสงฆ์นั่ง)ด้านซ้ายสุด มีพระพุทธรูปเป็นองค์ประธาน ถัดมาก็เป็นรูปหล่อหุ่นขี้ผึ้งเสมือนจริงของ หลวงปู่เดิมและนับถัดออกมาตามลำดับ ก็เป็นที่นั่งของพระสงฆ์นั่งเรียงกันไป อ.เจนเล่าให้ดิฉันฟังว่า โดยปกติถ้าไม่ใช่งานพิธีใหญ่ก็ไม่ได้กล่าวอัญเชิญ ชุมนุมเทวดาเพราะส่วนมากพระท่านก็ทำการนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ อ.เจน กล่าวคำชุมนุมเทวดาเพื่อต้องการให้หลวงปู่เดิมท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญ บคณะบุญของเราค่ะเพราะว่ามาถึงที่นี่แล้วไม่ให้เสียเที่ยวค่ะและในระหว่างที่ อ.เจน นำอธิฐานจิตอยู่นั้น สายตาพลันไปมองรูปเหมือนของหลวงปู่เดิมจึง ได้เห็นในตาทิพย์แว็ปเดียวค่ะ ท่านมาแฝงอยู่ในหุ่นขี้ผึ้งนั้น และท่านก็ยิ้มที่มุม ปากนั่นหมายความว่า ท่านยินดีในบุญที่พวกเราตั้งใจทำและท่านก็มาอนุโมทนาบุญ กับพวกเราชั่วเวลาแว็บเดียวค่ะอ.เจน เล่าต่อไปว่า ในตอนนั้น อ.เจน รู้สึกปิติใจดีใจสุด ๆ ค่ะ อ.เจนดีใจที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้รับรู้ว่าพวกเรา มาทำความดีกันค่ะ ตามประวัติท่านเป็นพระสงฆที่เก่งในเรื่องวิชาอาคมเป็นที่สุดค่ะ หลวงปู่เดิมมาในนิมิต คุณรุ้ง เคยเล่าให้ดิฉันฟังตั้งนานมาแล้วค่ะจึงขอนำมา เล่าสู่กันฟังเสริมเรื่องราวกันค่ะ ซึ่งเรื่องอย่างนี้มีหรือจะลืมได้ค่ะครั้งหนึ่ง คุณรุ้ง ได้รับมีดอาคมของหลวงปู่เดิมมาใหม่ๆ คนให้บอกว่าของหลวงพ่อเดิมหลังจากนั้น คุณรุ้ง ก็ได้นิมิตฝันไปว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งมาในนิมิตโดยไม่รู้จักว่าท่านเป็นใคร เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้เล่าความฝันนั้นให้แม่ตี้ฟัง โดยตั้งข้อสังเกตว่าหรือเป็นหลวงปู่เดิม เพราะไม่รู้จักท่านไม่รู้ว่าท่านมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือเพราะว่ามีดอาคมที่ได้มา นั้นเป็นของจริงของหลวงพ่อเดิม ท่านถึงได้มาในนิมิตฝันในขณะที่พูดถึงท่านอยู่นั้นเอง บ้านที่มีลักษณะเป็นปูนครึ่งหลังด้านบนเป็นไม้นั้นได้โยกคลอนและสั่นไหวอย่าง รุนแรงเหมือนแผ่นดินไหวเสียงดังลั่นน่ากลัวมากเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าชั้นล่าง ของตัวบ้านเป็นปูนที่แข็งแรงมากไม่น่าจะโยกคลอนไหวได้จนน่าตกใจถึงขนาดนี้ แต่ในตอนนั้นตกใจมากนึกแต่ว่าเกิดแผ่นดินไหวต่างก็วิ่งหนีออกมาตั้งหลักอยู่หน้าบ้าน เพื่อดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะที่ยืนอยู่หน้าบ้านบ้านก็ยังสั่นไหวอยู่ค่ะ ระหว่างนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ หรือว่าท่านมาแสดงฤทธิ์ให้รับรู้ว่าของที่ได้มานั้นเป็น ท่านเองและเป็นเรื่องจริง เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วคุณรุ้งจึงยกมือขอพรบารมีท่าน ปกป้องคุ้มครองครอบครัว เมื่ออธิษฐานเสร็จบ้านถึงหยุดสั่นไหวทันทีเป็นปลิดทิ้ง เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจมากค่ะ แต่เพื่อให้หายสงสัยคุณรุ้งจึงได้ไปสอบถาม บ้านใกล้เรือนเคียงว่า เมื่อกี้นี้บ้านสั่นไหวหรือแผ่นดินไหวหรือไม่ไม่มีใครรู้สึก อย่างนั้นเลยค่ะ เรื่องนี้แม่ตี้ ก็ช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยย้ำนักหนาว่า พูดถึงเรื่องนี้ทีไรถึงกับขนลุกค่ะ มีดอาคมหลวงปู่เดิมขึ้นเครื่องบินได้ คุณรุ้ง ได้เคยนำมีดอาคมนี้ติดตัวไปด้วย เมื่อครั้งที่เดินทางไปออสเตรียกับอ.เจน ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของมีดอาคมนี้ เครื่องสแกนของสายการบินไม่อาจตรวจจับคลื่นได้โชคดีที่คุณรุ้ง เองก็ลืมไปว่าได้พกมีดอาคมใส่มาในกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน เพราะนำติดกระเป๋าจนเคยชินค่ะ เจ้าแม่ตะเคียน ดีใจ เหมือนปลากระดี่ได้น้ำดิฉันยังมีเรื่องผีผีนำเล่าสู่กันฟังค่ะ อ.เจน บอกว่าขณะที่พระสงฆ์สวดมนต์อยู่นั้น อ.เจน จะใช้จิตส่องออกนอกไปดู โดยรอบ ปกติแล้ว อ.เจนจะดูด้วยญาณวิถีว่า มีหรือเทพเทวา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ ใดเสด็จมาบ้าง เจ้ากรรมนายเวรจิตวิญญาณ หรือเหล่าสัมภเวสี หรือผีเปรต ฯลฯ จะมาขอส่วนบุญกันมากน้อยเพียงใดซึ่งก็เห็นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วทุกครั้ง อ.เจน ทำอย่างนี้ค่ะ แต่ครั้งนี้พิเศษสุดค่ะเพราะก่อนที่จะเริ่มทำการกรวดน้ำนั้น อ.เจน ก็ได้เห็นหญิง สาวหลายตนแต่งกายด้วยชุดไทย ผ้าสไบสีสวยสดงดงาม เหล่าบรรดานาง ๆ ทั้งหลาย ประมาณ 7-8 ตนเห็นจะได้ ต่างมีสีหน้าดีใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หน้าตาแฉ่มชื่น บางตนก็กระโดดโลดเต้น บางตนยืนตบมือดีใจกัน เหมือนคนดีใจสุดๆ เหมือนคนที่กำลังจะได้สิ่งของถูกอกถูกใจ เปรียบเหมือนปลากระดี่ได้น้ำอย่างไร ก็อย่างนั้นค่ะบางตนก็กระโดดไปด้วยร้องตะโกนไปด้วย ส่วนมากจะร้องกันว่า ตื่นเต้น ๆ มีคนมาเต็มวัดเลย เขามาทำบุญกัน ชอบๆให้บุญเราบ้างนะๆ อย่าลืมเรานะๆ ครั้งแรกอ.เจน ก็นึกว่าเป็นนางฟ้าเทวดา แต่เมื่อได้เห็นลักษณะอาการอย่างนี้แล้ว ไม่ใช่แน่จึงถามไปว่า พวกท่านเป็นใครกันค่ะ คำตอบคือ เราเป็นแม่ตะเคียน เราตื่นเต้น ๆ ให้บุญเรานะ ๆ อย่าลืมเรานะ ๆเจ้าแม่ตะเคียน ก็พร่ำพูดอยู่อย่างนี้ แม่ตะเคียนหลายตนแย่งกันพูดแย่งกันเรียกร้องความสนใจนานานที จะได้สื่อสารกับคนเห็นผี และขอส่วนบุญได้ค่ะ อ.เจนบอกกับดิฉันว่า เหล่าแม่นางตะเคียนมากันตอนที่ อ.เจน กำลังจะกรวดน้ำค่ะ ก่อนหน้านั้นส่วนตอนที่ อ.เจน พูดคุยบรรยายธรรมแม่นางตะเคียนยังไม่มากันค่ะ ส่วนมาก อ.เจนมักจะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ตอนที่อยู่ในองค์สมาธิ เช่น กำลังจะถวายของ พระสงฆ์ตอนที่จะกรวดน้ำ หรือตอนที่ฟังพระเทศน์ ฯลฯ ดิฉันก็ไม่กล้าและเกรงใจมากที่อยากจะบอกกล่าวและเตือนท่านที่ไม่รู้ว่า ในขณะที่ อ.เจน นำทักษิณาเวียนรอบโบสถ์หรือ ประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ นั้น อ.เจน กำลังกำหนดจิตและอยู่ในองค์ภาวนาแต่มีท่านผู้ไม่รู้ต่างก็มา แย่งชิงเบียดเสียดกันให้อยู่ข้างกาย อ.เจน หรือมาขอจับชายเสื้อบ้างมาจูง ลากชายเสื้อเอาไว้ก็มีค่ะ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ในขณะนั้น อ.เจนกำลังอธิษฐานจิต ให้ทุกท่าน ผู้มาร่วมบุญ หรือ อธิษฐานในเรื่องของบุญอยู่ค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วจากใจของทีมงานนะค่ะ ไม่ต้องการที่จะมาปกป้อง อ.เจน อะไรมาก มายนักก็อยากทำบุญด้วยจิตที่เป็นสมาธิกะเขาบ้างอะค่ะ แต่ด้วยมีเหตุการณ์ต่าง ๆที่แจ้งไม่ได้ และด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยกันดูแล อ.เจน ดูแลลูกทัวร์ดู แลงานกิจกรรมบุญ ต่าง ๆ นะค่ะ ขอให้เห็นใจด้วยค่ะ การทำบุญที่ถูกต้องอ.เจน มักพูดเสมอว่า ให้ทำบุญด้วยจิตที่เป็นสมาธิแล้วท่านจะ ได้รู้เองเห็นเองว่าถ้าสิ่งที่เราตั้งใจทำโดยมิได้มุ่งหวังสิ่งอื่นใดนอกจากบุญเท่านั้น ท่านอาจจะได้พบกับปาฏิหาริย์มาช่วยเหลือเมื่อยามคับขัน ขอให้ทำเพื่อบุญเท่านั้น ท่านจะได้สมปรารถนาทุกประการค่ะ กุมาร อ.เจน บอกว่า มีกุมารด้วยค่ะ เขามากระโดดดีใจขอรับบุญด้วยเช่นกันค่ะ ตามที่อ.เจน พูดนั่นแหละค่ะ ท่านทำความดีหรือความชั่ว ผีสางเทวดาย่อมมองเห็นค่ะ จำได้ว่าเมื่อครั้งที่ อ.เจน ไปท่องนรกภูมิ ผู้ทำผิดก็ยังปกปิดความชั่วของตนต่อพญา มัจจุราชไม่ได้ค่ะเพราะว่า เขามีกระจกส่องกรรม เมื่อเจ้าหน้าที่นรกท่านชีนิ้วไป กระจกก็ปืดขึ้นมาเลยค่ะภาพจะมาปรากฏเลยว่าเราทำผิดใดมาค่ะ วัดที่สาม วัดสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในพระองค์ จ.นครสวรรค์ ที่วัดแห่งนี้ กว่าจะพบ อ.เจน ก็ขับรถวนอยู่หลายรอบ อ.เจนก็ขับมาถึงวัดโดยบอกว่าเทวดาท่านนำพามาค่ะ เมื่อมาถึงวัดก็ไม่พบเจ้าอาวาส อ.เจนพยายามรอคนตีนเขาบอกท่านอยู่ข้างบนเราขึ้น เขาไปข้างบนคนบนเขาบอกท่านอยู่ข้างล่างพวกเราก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่อย่างนั้นจนพบท่านค่ะ เมื่อดิฉันเดินขึ้นไปสำรวจสถานที่กับอ.เจน ก็พบบรรยากาศและสถานที่แสนสวย อ.เจน อากาศเย็นสบายค่ะมาในครั้งนี้เมื่อเห็นก็อดที่จะตื่นเต้นเสียไม่ได้เพราะช่างเหมือนกับแบบ จำลองเมืองพุทธคยาประเทศอินเดีย ความประทับใจของดิฉันมี 2 ช่วงค่ะ ช่วงแรกอ.เจน นำร้องเพลงที่มีเนื้อเพลงที่ว่า “องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันารตัดมูล กเลศมาร บ่ มิหม่นมิหมองมัว หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ่พันพัว สุวคนธกำจร องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาครโปรดหมู่ประชากร.............” ซึ่งเป็นบทสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยขณะที่ร้องเพลงบทนี้ อ.เจน บอกว่า แทบจะร้องไม่ออกเพราะความตื้นตันในหัวใจส่วนดิฉันนั้นร้องเพลงนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาร้องอีกครั้งในวัยนี้และร้องกี่ครั้งก็บ่อน้ำตาตื้นทุกครั้งค่ะ ช่วงที่สองก็ตรงที่ได้แขวนกระดิ่งนี่แหละค่ะ ของดิฉันมีอันเดียว กะให้คุณแม่ส่วนมาก คุณแม่มักจะมาทำบุญอย่างเดียวไม่เสียเงินทำบุญมาก แต่ครั้งนี้ท่านประกาศ ด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า ฉันซื้อ 1 กระดิ่ง ฉันจะทำบุญเป็นเรื่องที่ดิฉันไม่คาดฝันมาก่อนและดีใจมากค่ะ อ.เจนพูดไว้เสมอว่า วิธีทดแทนบุญคุณบิดามารดาและช่วยผ่อนกรรมที่เรา ทำไม่ดีต่อท่านด้วยการทำให้ท่านเสียใจวิธีที่ดีที่สุด คือ การนำพาบิดามารดาไป ทำบุญและทำให้บิดามารดาผู้ไม่มีศีลให้มีศีลค่ะ นอกจากนี้ดิฉันและน้องทีมงานหลายคนต่างก็ช่วยกันเป็นตัวแทนแขวนกระดิ่ง ให้กับทุกท่านที่ไม่ได้มาร่วมงานบุญแต่บริจาคเงินมาร่วมบุญทุกท่านจนสำเร็จเรียบร้อยค่ะ ดิฉันต้องกล่าวคำขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยความประทับใจ อิ่มสุข และ สุขใจ ในบุญกุศลของทุกท่านครั้งนี้ ค่ะ ข้อคิดสะกิดใจ ความดีเท่านั้นที่เอาไปได้ค่ะจากเรื่องที่ดิฉันเล่าสู่กันฟังนี้ให้มองเป็นธรรมมะนะค่ะ คนเราเมื่อตายแล้วทำบุญไม่ได้ค่ะเช่น กุมารทอง แม่นางตะเคียน แล้วเราเกิดมาทั้งทีเป็นมนุษย์เขาให้เกิดมาทำความดีสร้างบุญบารมี หาทางพ้นทุกข์ ดังนั้น หากเรายังมีชีวิตอยู่ก็มาทำบุญกันไปเถอะค่ะดีกว่าไปกระโดดโลดเต้นขอส่วนบุญเขา ซ้ำร้ายถ้าเราตายไปไม่เจอคนเห็นผีอย่าง อ.เจนหรือไม่มีใครทำบุญให้เราเลย เราก็อดอยากนะซิค่ะ หรือพวกผีมาพบเจอคนอย่างพวกเราที่เห็นผีไม่ได้กำ ช่วยเหลือเขาไม่ได้เลยค่ะ ก็มองไม่เห็นนี่นา จี๊ดจ๊าด |